กรมทางหลวง ชี้แจงกรณีการก่อสร้างทางเข้า-ออกทางขนานบน ทล.41 ก่อนถึงแยกเวียงสระ สุราษฎร์ธานี โดย ทล. แจงออกแบบทางขนานเป็นแบบเดินรถสวนทาง (Two way) พร้อมทั้งก่อสร้างทางเข้า-ออก และจุดกลับรถ เพื่อรองรับการจราจรในท้องถิ่น สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนในพื้นที่

ตามที่มีการเสนอข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563  โดยโพสต์ข้อความถึงความกังวลของประชาชนในการก่อสร้างทางเข้า-ออก ทางขนานที่อาจเกิดอันตรายบนทางหลวงหมายเลข 41 (ถนนสายเอเชีย) บริเวณถึงก่อนโรงเรียนเวียงสระ ตำบลเวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการแบ่งช่องทางออกไปทางขนานในลักษณะที่เป็นทางบริการชุมชน  (Service Road) ซึ่งเป็นเลนรถสวน โดยสื่อสังคมออนไลน์ได้เสนอควรมีป้ายเตือนและประจุดบนถนนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ นั้น                  

กรมทางหลวงได้ตรวจสอบและขอเรียนชี้แจง ดังนี้  ทางหลวงสายดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับเวียงสระ โดยลักษณะเป็นโครงการก่อสร้างสะพานบนทางหลวงหมายเลข 41 ยกระดับข้ามทางหลวงหมายเลข 4009 ซึ่งทางหลวงหมายเลข 41 เป็นทางหลวงสายหลักในพื้นที่ภาคใต้มีปริมาณจราจรหนาแน่นและ ใช้ความเร็วสูง แต่จากสภาพพื้นที่โครงการสองข้างทางเป็นย่านชุมชนและการค้า จึงจำเป็นต้องก่อสร้างทางขนาน (Frontage Road) เพื่อแยกรถท้องถิ่นออกจากรถทางหลัก (Main Road) “ซึ่งเป็นเลนรถสวน” ทำให้เกิดความปลอดภัย ทั้งนี้  โดยทั่วไปการออกแบบทางขนานบนทางหลวงสายหลักที่มีปริมาณจราจรสูง จะเป็นแบบเดินรถทางเดียว (One way) แต่จากการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน พบว่า ชุมชนสองข้างทาง ได้รับผลกระทบจากทางขนานแบบเดินรถทางเดียว  ดังนั้น จึงออกแบบทางขนานเป็นแบบเดินรถสวนทาง (Two way) พร้อมทั้งก่อสร้างทางเข้า-ออก และจุดกลับรถระหว่างทางหลักกับทางขนาน เพื่อรองรับการจราจรในท้องถิ่น สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนในพื้นที่  ซึ่งรูปแบบดังกล่าวเป็นรูปแบบทั่วไป มีความปลอดภัยตามหลักวิศวกรรม   สามารถลดจุดตัดและลดจุดอับสายตาบริเวณทางเข้า-ออก อันเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ  โดยรูปแบบการก่อสร้างที่คล้ายคลึงกันนี้  ได้มีการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานแล้วหลายแห่ง อาทิ บนทางหลวงหมายเลข 3701 และ 3702 บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง  บนทางหลวงหมายเลข 340 บริเวณสะพานบางยี่หน เป็นต้น

โครงการก่อสร้างดังกล่าวมีระยะทาง 11.83 กิโลเมตร  ก่อสร้างเป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ โดยเริ่มสัญญาวันที่ 19 เมษายน 2562 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ขณะนี้มีความคืบหน้าประมาณร้อยละ  80.22   เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เช่น ป้ายจราจร เส้นจราจร อุปกรณ์สะท้อนแสง ไฟฟ้าแสงสว่าง และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยอื่นๆเพื่อให้ผู้ใช้ทางได้รับอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถลดผลกระทบของชุมชนในพื้นที่ได้อีกด้วย   ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัย ต้องการสอบถามข้อมูล หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586  (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)

 

Previous articleสร้างเอกลักษณ์ให้พื้นที่ของคุณ ด้วยวัสดุทางเลือกใหม่ “SCG D’ COR”
ในงาน ACT FORUM ’20 Design + Built
Next article10 เหตุผลพิเศษเหนือระดับ กับการเป็นเจ้าของห้องพักหรูติดชายหาดหัวหิน
โครงการ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” เริ่มต้น 1 ห้องนอน 45 ตร.ม.
Ton Suwat
คอลัมนิสต์หนุ่ม ผู้หลงไหลในสถาปัตยกรรมไทยอีสาน และความง่ายงามตามวิถีชนบท