ดูเหมือนว่ามนุษยชาติจะชอบแข่งขันเพื่อทะลุขีดจำกัดในอดีตที่ผ่านมาของตนเอง และไม่มีสิ่งไหนที่จะเป็นหลักฐานได้ดีไปกว่าตึกที่สูงแข่งกันเกิดขึ้น และทวีคูณความสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนแหงนมองคอแทบหัก

คำถามคือเราจะเอื้อมไปใกล้ท้องฟ้าได้มากแค่ไหนกันนะ? ภาพ Infographic ของ Alan’s Factory Outlet แสดงให้เห็นถึงตึกระฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับในทุกทวีป นอกจากนี้ยังได้รวบรวมข้อเท็จจริงที่น่าสนใจในแต่ละทวีปอีกด้วย

เอเชีย: การเติบโตที่ไม่หยุดนิ่ง

รายชื่อแรกของตึกที่สูงที่สุดดูไม่น่าแปลกใจเลย แน่นอนว่าตกเป็นของ ตึก Burj Khalifa ในดูไบนั่นเอง นอกจากนี้มันยังเป็นหนึ่งในตึกที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวแห่งตะวันออกกลาง ด้วยการที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดของตึกได้ด้วยลิฟต์ภายในหนึ่งนาที ทำให้ดูเหมือนว่าท้องฟ้าไม่ใช่ขีดจำกัดของความสูงอีกต่อไป

อเมริกาเหนือ: ป่าคอนกรีต

ตึก One World Trade Center ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงตึกแฝด (Twin Towers) หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน ปี 2001 โดยที่มันถูกเรียกว่า “ตึกแห่งอิสรภาพ (Freedom Tower)” มีความสูง 1,776 ฟุต ซึ่งความสูงนี้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงปีที่ได้เกิดคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาขึ้น

ในความจริงแล้วจะเห็นได้ว่าตึกในนิวยอร์กนั้นครองตำแหน่ง 4 ใน 5 ของทวีปนี้ ทว่ายังมีที่ว่างสำหรับตึก Willis (ตึก Sears เดิม) ในชิคาโก ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานอันแสนอลังการที่สูงที่สุดในโลกเป็นเวลา 25 ปีจนกระทั่งตึก Petronas ในกัวลาลัมเปอร์ถูกสร้างขึ้น

ยุโรป: รัชสมัยของรัสเซีย

ตึกสูงที่สุด 5 อันดับในยุโรปนั้นตกเป็นของรัสเซียทั้งหมด นอกจากนี้ทุกตึกที่อยู่ในมอสโกยังอยู่ในเขตธุรกิจที่เรียกว่า “Moscow-City” อีกด้วย

คำถามคือเพราะอะไรยุโรปถึงไม่สร้างตึกระฟ้ามากกว่านี้? อันที่จริงมันมีเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์อยู่ เนื่องจากว่าอุดมการณ์ยุคใหม่ของอเมริกาเหนือและกระแสมรดกโลกนั้นเป็นที่สนใจของโลกมากขึ้น วัฒนธรรมยุโรปจึงหันไปให้ความสนใจที่การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมซะมากกว่า

โอเชียเนีย: มุมมองด้านล่าง

ไม่น่าแปลกใจว่าตึกที่สูงที่สุดในทวีปนี้จะตกเป็นของออสเตรเลีย ประเทศที่เป็นสรวงสวรรค์ของนักโต้คลื่น ตึก Q1 บนแหลม Gold ซึ่งเป็นตึกที่มีดีไซน์ลื่นไหลเหมือนคลื่นซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากริบบิ้นที่ปลิวตามกระแสลม

อเมริกาใต้: มุมมองจากด้านบน

ตึกที่สูงที่สุดในอเมริกาใต้ส่วนใหญ่จะเป็นตึกสำหรับอยู่อาศัย ซึ่งอยู่ที่บราซิล อาร์เจนตินา และเวเนซูเอลา ทว่าชิลีเป็นประเทศเดียวที่อยู่นอกเหนือรายชื่อดังกล่าว

Gran Torre Santiago คือตึกที่อยู่อาศัยประกอบกับพื้นที่สำนักงาน และเป็น Shopping Mall ที่ใหญ่ที่สุดทั่วลาตินอเมริกา ที่นี่ถือว่าเป็นหัวใจของชิลี และถูกสร้างขึ้นอย่างแข็งแรงท่ามกลางประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อย ๆ

แอฟริกา: ตึกที่บานสะพรั่งดั่งดอกไม้อันงดงาม

ตึก Leonardo คืออัญมณีของ Johannesburg ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้ โดยตึกที่สูงที่สุดถูกออกแบบโดยทีมสถาปนิกที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง

สำหรับประเทศในแอฟริกา อาคารที่สูงที่สุดเหล่านี้มีความหมายมากกว่าการทำลายสถิติด้านวิศวกรรม ในบทความวารสารระบุว่าตึกระฟ้าเหล่านี้สามารถทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและแรงขับเคลื่อนของทวีปไปสู่ความทันสมัยอีกด้วย

ตึกระฟ้าดาวเด่นในอนาคต

คาดว่าตึกขนาดใหญ่อีก 2-3 แห่งจะเพิ่มขึ้นอีกในไม่กี่ปีข้างหน้า โดยตึก Jeddah ที่สูง 167 ชั้นของซาอุดีอาระเบียที่ปัจจุบันถูกระงับการสร้างไว้อยู่ สักวันหนึ่งอาจจะได้ครองรางวัลตึกที่สูงที่สุดก็เป็นได้

ในขณะเดียวกัน ดูไบก็พร้อมจะเอาชนะตัวเองและแข่งขันกับซาอุดีอาระเบียด้วยตึก The Kingdom ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสวนลอยแห่งบาบิโลน และมีแนวโน้มที่จะทำสถิติตึกสูง 1 กิโลเมตรได้ ซึ่งยังไม่มีใครทำได้มาก่อน

ไม่แน่ในอนาคต ตึกอาจมีความสูงมากกว่า 1 กิโลเมตรก็เป็นได้ และใครจะเป็นเจ้าของรางวัลนั้นก็คงต้องดูกันต่อไป

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.visualcapitalist.com/worlds-tallest-buildings/

Previous articleชวนปรับแต่งบ้านรับ Work From Home ช่วงโควิด
Next articleต้อนรับโชคดีปีใหม่ 2021 รับพลังงานดีๆ ด้วยการแต่งบ้านตามธาตุเกิด
Porntiwa
สาวรัฐศาสตร์หน้าใส หัวใจรักการเขียน ผู้ผันตัวจากสายการเมือง มุ่งหน้าสู่สถาปัตยกรรมเต็มตัว