ปกติด้วยวัฒนธรรมคนไทยที่เติบโตมากับความเชื่อแบบเข้มข้น เราจึงแยกศาสนสถานกับบ้านออกจากกัน เรียกง่าย ๆ ว่า อะไรที่มันเกี่ยวข้องกับวิญญาณหรือพิธีกรรม เรามักจะไม่เอามาเป็นที่นอน ดังนั้น ถ้าจะให้จินตนาการว่าคนปกติไปอยู่วัดแบบติดตั้งเฟอร์นิเจอร์เหมือนบ้านปกติเลยจะเป็นยังไง
แต่ตอนนี้ เทรนด์หนึ่งที่กำลังฮิตในต่างประเทศคือการซื้อโบสถ์เก่าแก่อายุนับร้อยปีมาดัดแปลงให้บ้านสไตล์โมเดิร์นสุดสะดวกสบาย มีทั้งเตียงนุ่ม สระน้ำ เคาน์เตอร์หินแกรนิตสวย ๆ หรือมุมทำงานสไตล์ออฟฟิศให้รวมอยู่ได้ในหลังเดียว
บอกแบบนี้ เชื่อว่าคงจะจินตนาการภาพกันไม่ออกอยู่ดี BuilderNews จึงขอรวบรวมโบสถ์ 4 หลังต่างแดนที่รีโนเวตเป็นที่พักจริง ไม่ใช้ 3D ไม่ใช้ตัวแสดงแทน จากการรวบรวมของ Insider มาให้ดูกัน ลองมาวัดใจว่าถ้าเห็นแบบนี้แล้วเราจะรู้สึกกุ๊กกุ๊กกู๋ หรืออยากอยู่กันแน่
The All Saints’ Church
$320,000 = เกือบ 10 ล้านบาท
โบสถ์หลังนี้เป็นโบสถ์เก่าอายุ 120 ปี เคยมีการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ที่นี่จนถึงยุค 50s ก่อนโบสถ์หลังนี้จะเปลี่ยนเจ้าของมาบ้านกระทั่งมาถึงมือเจ้าของปัจจุบันจริง ๆ ในปี 2017
The All Saints’ Church เคยได้รับการรีโนเวตให้กลายเป็นบ้านมาก่อน แต่เจ้าของที่ผ่านมาทุกคนเห็นความสำคัญของสถาปัตยกรรมเก่าแก่จึงคงโครงสร้างเดิมอายุกว่า 120 ปีไว้ ดังนั้นเมื่อ Anastasiia และ Gunther คู่รักที่ซื้อโบสถ์หลังนี้ต่อมาในราคา $320,000 เข้ามาเป็นเจ้าของ พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะเก็บโครงสร้างเดิมไว้และต่อเติมบางส่วนเพื่อให้เหมาะสมกับฟังก์ชันการใช้ชีวิตของครอบครัว
โบสถ์หลังนี้ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องนอน Master Bedroom เป็นพื้นที่ห้องใต้หลังคาที่อยู่ชั้น 2 ส่วนอีก 2 ห้องนอนคือห้องที่อยู่ด้านล่าง ทั้งคู่เผยความยากของการรีโนเวตครั้งนี้ว่า บางส่วนค่อนข้างยากเพราะต้องหาเฟอร์นิเจอร์ใหม่มาลงในบ้าน เนื่องจากบ้านหลังนี้เคยเป็นโบสถ์มาก่อน โถงส่วนกลางขนาดใหญ่ทำให้ต้องเปลี่ยนโซฟาเดิมเป็นโซฟาใหม่ขนาด 12 ฟุตแทน (อันเดิมขนาดเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับพื้นที่จัดวาง) ส่วนความสูงก็เป็นอุปสรรคไม่น้อย เพราะเพดานโถงที่สูงกว่า 25 ฟุตทำให้ทำความสะอาดและเปลี่ยนหลอดไฟค่อนข้างยาก
ขณะเดียวกันการต่อเติมครัวต้องใช้เวลากว่า 3 เดือนเพื่อดูแลโปรเจกต์นี้ เพราะเปลี่ยนทั้งพื้น เปลี่ยนไม้ เดินไฟ จนถึงการติดตั้งตู้เก็บเครื่องครัวและเคาน์เตอร์เข้าไป โดยคำนึงว่าการออกแบบทั้งหมดต้องให้กลมกลืนกับโบสถ์เดิมมากที่สุด แต่ไม่ว่าจะยากแค่ไหน สุดท้ายภาพที่เห็นก็ออกมาน่าประทับใจ บางจุดเองก็ต้องยอมรับว่าถ้ามองเผิน ๆ อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นการต่อเติมใหม่
The church
$1.3 million = 40.4 ล้านบาท
เปลี่ยนจากฟีล Country มาเป็น Luxury บ้าง โบสถ์หลังที่ 2 นี้อายุ 171 ปี ก่อสร้างมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่ที่เมือง Exeter ในสหรัฐอเมริกา โดยหลังนี้หลังจากรีโนเวตก็ปล่อยขายทอดตลาดปัจจุบันในราคา 1.3 ล้านดอลลาร์
ถ้าเทียบกันแล้วดีไซน์ของ The Church ค่อนข้างจะต่างจากหลังแรกชัดเจนเพราะหลังนี้เจ้าของรีโนเวตให้ออกมาเป็นบ้านหรู ปูพื้นหิน บางส่วนใช้เป็นไม้ ปรับพื้นที่ให้กว้างขวางรองรับกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการอย่างทั่วถึง และตกแต่งด้วยการทาสีผนังเป็นสีขาวเข้ากันกับพื้น
ทั้งหมดนี้ค่อนข้างลบภาพเดิมของความเป็นโบสถ์ เมื่อเดินเข้ามาเราจะรู้สึกเหมือนเข้าคฤหาสน์หรู ๆ มากกว่า แต่ร่องรอยบางส่วนของการตกแต่งเดิม เช่น แท่นเทศน์ ลวดลายการตกแต่งต่าง ๆ ก็ยังคงอยู่
Gothic church
$7.7 million = 239.5 ล้านบาท
โบสถ์กอธิคกลางเมืองในลอนดอนที่แปลงโฉมเป็นคฤหาสน์ในเมืองหลังนี้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว่า 6,000 ตารางฟุต ด้านนอกยังคงสภาพสมบูรณ์ของโบสถ์ไว้ แต่ภายในรีโนเวตใหม่ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น แบ่งสัดส่วนเป็น 4 ห้องนอน ชั้นสองบริเวณโถงกลางของโบสถ์ปรับเป็นห้องรับแขก กว้างและสามารถเปิดประตูเพื่อออกไปบริเวณสวนเล็ก ๆ ส่วนตัวด้านข้างได้
สิ่งที่ยังคงเค้าเดิมของความเป็นโบสถ์คือส่วนซุ้มโค้งที่เราเรียกกันว่า Arch และส่วนของ Stain glass บานโตลวดลายสวยงามของพระเยซูและนักบุญที่ติดขนาบกัน เหนือบริเวณบันไดเวียนที่เชื่อมต่อไปยังชั้นบนซึ่งรีโนเวตใหม่ให้เป็นห้องนอน
ด้านการตกแต่งห้องนอนและห้องต่าง ๆ ของบ้าน พิจารณาจากการเลือกใช้วัสดุ การใช้เฟอร์นิเจอร์และการออกแบบจะดูพรีเมียมแบบโมเดิร์นมาก อย่างห้องนอนห้องนี้ที่อยู่ใต้หลังคา ถ้าไม่บอกว่าเคยเป็นโบสถ์มาก่อนเราคงมองไม่ออก เพราะแม้ว่าจะเก็บโครงสร้างเดิมของคานไว้กลับดูคล้ายความตั้งใจของการออกแบบมากกว่า
Presbyterian church
ไปทางฝั่งอังกฤษ อเมริกาแล้ว ปิดท้ายเปลี่ยนมาประเทศใกล้ ๆ บ้านเราอย่าง Australia กันบ้าง Presbyterian church คือโบสถ์โปรเตสแตนซ์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 และโบสถ์หลังนี้ยังมีความสำคัญในฐานะโบสถ์โปรเตสแตนต์หลังแรกของประเทศอีกด้วย
John และ Jan Williamson สองสามีภรรยาคือเจ้าของโบสถ์หลังนี้ ตามข้อมูลที่ได้มายังไม่ได้ระบุว่าซื้อมามูลค่าเท่าไหร่ และไม่ได้ระบุมูลค่าขายและราคารีโนเวตด้วย
ห้องหลักบริเวณโถงยังคงเก็บช่องทางเดินของโบสถ์ไว้ ปกติถ้าใครเคยเข้าโบสถ์จะรู้ว่าจะมีช่องว่างระหว่างม้านั่ง 2 ฝั่งไว้ แต่เจ้าของเลือกเก็บไว้เพียงด้านเดียวและเปลี่ยนอีกด้านสร้างเป็นห้องนั่งเล่นและห้องครัว ส่วนเพดานสูงโปร่งยังคงเก็บไว้เช่นเดิม
ห้องนอนทั้งหมดตั้งอยู่บริเวณชั้นบนที่เป็นส่วนชั้นลอยที่ต่อเติมเพิ่มขึ้น ส่วนด้านนอกยังเสริมสระว่ายน้ำให้คนสามารถโดดลงแหวกว่ายเพื่อความผ่อนคลาย คล้ายบ้านพักตากอากาศ โบสถ์หลังนี้น่าจะถูกใจใครหลายคน
อย่างไรก็ตามโบสถ์ 4 หลังนี้ไม่ใช่ 4 หลังแรกบนโลกที่ถูกปรับกลายเป็นบ้าน ส่วนน่าอยู่หรือไม่ จะซื้อหรือเปล่า อันนี้ก็เป็นวิจารณญาณส่วนบุคคล ทว่าข้อเท็จจริงอย่างที่รู้กันคือพื้นที่บนโลกของเรามีจำกัด คงไม่มีพื้นที่ไหนที่ไม่เคยมีประวัติ แต่ถ้าวันนี้เราอยู่อย่างมีความสุขได้ ประเด็นว่ามันเคยเป็นอะไรมาคงไม่ใช่ปัญหา
นอกจากนี้จุดที่น่าสนใจคือการลงทุนเข้าไปซื้อพื้นที่เก่าแก่มารีโนเวตเป็นที่อยู่อาศัยของภาคเอกชน ถ้าใครเคยดูรายการขายของแอนทีคต่างประเทศ จะรู้เลยว่าโบสถ์เก่า บ้าน หรือโรงงานคือกลุ่มเป้าหมายของคนขายของสะสม เพราะทุกชิ้นคืองานฝีมือที่เราหาไม่ได้แล้วในยุคนี้ ถ้าจับแยกชิ้นก็มีมูลค่าในวงการนั้น ส่วนถ้าเก็บโครงเดิมไว้สักวันมันจะยิ่งมีมูลค่ามหาศาลในฐานะชิ้นส่วนของประวัติศาสตร์ หรืออาจกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ก็ได้
แล้วพวกเราคิดยังไงกับโบสถ์และราคาของมันกันบ้าง ถ้าปรับเป็นวัดแล้วให้ซื้อมารีโนเวตเป็นบ้านจะอยากทำกันบ้างไหม ลองมาแสดงความคิดเห็นกันได้นะ
อ้างอิงข้อมูลจาก