“ปุ๋ยหมักมนุษย์” แค่ฟังก็ยังสยอง ถึงเราจะรู้ว่าเวลาคนเราตายไปปกติจะต้องเข้าสู่กระบวนการจัดเก็บศพตามพิธี ระหว่างฌาปนกิจหรือฝังก็ตาม

ถ้ามีคนบอกคุณว่า คุณอยากตายแล้วกลายมาเป็นปุ๋ยหมักไหม เรื่องนี้อาจจะฟังดูตัดสินใจยากกว่าการบริจาคอวัยวะหรือทำอย่างอื่น แต่โปรเจกต์นี้ก็เกิดขึ้นแล้วในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามนโยบายต้องการลดปริมาณสารอินทรีย์ตามธรรมชาติ (Organic Reduction) โดยรัฐนี้ถือเป็นแห่งแรกที่บังคับใช้กฎหมายอนุญาตให้นำร่างผู้เสียชีวิตไปทำเป็นปุ๋ยบำรุงดิน

สิทธิ์การเป็นปุ๋ยมนุษย์นี้เป็นโปรเจกต์ที่ใช้ชื่อว่า The Recompose Seattle โดยบริษัทสถาปัตย์สัญชาติอเมริกันที่ใช้ชื่อว่า Olson Kundig Architects ออกแบบให้กับบริษัทลูกค้าอย่าง Recompose ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้สถานที่นี้เป็นอีกทางเลือกของการจัดการร่างไร้วิญญาณของคนหลังเสียชีวิต เพื่อเปลี่ยนมันเป็นปุ๋ยสร้างประโยชน์ให้กับโลกใบนี้

พื้นที่กว่า 18,500 ตารางฟุต หรือราว 1,719 ตารางเมตร ของบริษัท Recompose ซึ่งบริหารและจัดตั้งโดย Katrina Space บริษัทที่เสนอทางเลือกในการจัดการศพรูปแบบใหม่ ได้รับการออกแบบอาคารให้ดูร่มรื่น และมีห้องสำหรับจัดพิธีกรรมนี้ ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็น Facility มากมายที่เหมาะสม ทั้งสภาพเปิดโล่งขนาดใหญ่และผนังสีขาว เหมาะแก่การทำพิธีจัดงานหลังความตาย เก้าอี้จะได้รับการจัดรายล้อมตำแหน่งวางร่างเพื่อให้พร้อมรองรับผู้คนที่มาแสดงความอาลัย

แกนกลางห้องเตรียมแท่นสีขาวที่สามารถเคลื่อนย้ายศพได้ โดย Ceo สาวอย่าง  Katrina Space อธิบายการดำเนินการว่า ร่างไร้วิญญาณที่รับบริการนี้จะถูกนำไปบรรจุในหีบเหล็กทรงหกเหลี่ยม ใส่พืชอัลฟัลฟา ไม้สับ และฟาง ก่อนจะปิดหีบบรรจุไว้ราว 30 วัน ร่างที่อยู่ภายในจะย่อยสลายไปตามธรรมชาติ และร่าง 1 ร่าง สามารถทำปุ๋ยได้ราว 2  คันของรถเข็น (รถเข็นล้อเดียว)

“นี่คือวิธีแรกที่โลกจะนำเสนอการดูแลร่างไร้วิญญาณได้อย่างยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

จุดขายทิ้งร่างไว้ให้เป็นประโยชน์ต่อโลกตามโปรเจกต์นี้แตกต่างจากกระบวนการที่เคย ๆ ทำมาอย่างไร เรื่องนี้เราสรุปไว้ให้จากข้อมูลที่เขาอ้างไว้ตามประเด็นต่าง ๆ ด้านล่างแล้ว

1. กระบวนการนี้สามารถย่อยได้กระทั่งกระดูกและฟัน เพราะระบบที่ออกแบบสร้างสภาวะที่เหมาะสมสำหรับจุลินทรีย์ ทั้งอุณหภูมิและแบคทีเรียที่มีประโยชน์ การย่อยสลายจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว

2. กระบวนนี้สร้างดินที่อุดมสมบูรณ์จากร่างของมนุษย์ ถ้านำไปใช้ต้นไม้พืชพรรณจะเติบโตได้เป็นอย่างดี การนำร่างไร้วิญญาณไปทำเป็นปุ๋ย ลดการเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 1 เมตริกตันต่อคนเมื่อเทียบกับปกติ

3. กระบวนการนี้ใช้พื้นที่น้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการฝังศพตามปกติ

4. ค่าใช้จ่ายสำหรับการทำศพถือว่าถูกกว่าปกติมาก จากปกติประมาณ 7,000 ดอลลาร์ เหลือเพียง 5,500 ดอลลาร์เท่านั้น

โปรเจกต์ Recompose ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร เนื่องจากบางกระบวนการของการจัดการร่างกายบางขั้นตอนต้องอาศัยการนำเศษไม้หรือวัสดุอื่น ๆ ที่เหมาะสมนำมากลบร่างและเติมอากาศเข้าไปเพื่อเร่งการย่อยสลาย

สำหรับใครที่คิดว่า ก็อยากให้ใช้วิธีนี้นะ แต่ว่าไม่อยากเก็บปุ๋ยมาโรยที่บ้านเลย ทาง Recompose เขาก็มีทางออกให้ โดยเขาจะนำปุ๋ยมนุษย์จัดส่งไปบำรุงพื้นที่ป่า 700 เอเคอร์ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐเอง

สถาปัตยกรรมแห่งนี้จะเริ่มเปิดให้ใช้บริการในปีหน้า (2021) พวกเราล่ะคิดยังไงกับโปรเจกต์จัดการร่างเพื่อความยั่งยืนแบบนี้บ้าง

 

ภาพประกอบทั้งหมดนำมาจาก Dezeen

อ้างอิงแหล่งที่มาข้อมูล

https://www.dezeen.com/2019/11/20/recompose-seattle-human-composting-olson-kundig/

Previous article‘KENGURU’ DREAM CAR ไฟฟ้าเพื่อผู้ใช้ Wheel Chair สัมผัสประสบการณ์ซิ่งบนท้องถนน
Next articlePart I: ชมการออกแบบ Pavilion กว่า 40 ประเทศที่เข้าร่วม World Expo 2020 ที่นครดูไบ
งานนิทรรศการระดับโลก ที่มีทั้งความโดดเด่นและไอเดียสร้างสรรค์ทางด้านสถาปัตยกรรม