ถ้าจะพูดถึงร้านกาแฟที่เป็นกระแสในบ้านเราอยู่พักหนึ่ง คงหนีไม่พ้นร้านที่ชื่อว่า “% Arabica” ร้านกาแฟชื่อดังจากเกียวโตประเทศญี่ปุ่น กับการเปิดตัว Flagship Store แห่งแรกในไทยที่ไอคอนสยาม และเป็นสาขาที่ 58 ของโลก
งานออกแบบของสาขานี้ เป็นการผสมผสานสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่นให้เข้ากับความสดใสของไทย แต่ก็ยังไม่ทิ้งเสน่ห์ของความคลีนและมินิมัลซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้าน % Arabica ด้วยความโดดเด่นในด้านของรสชาติ สไตล์การตกแต่งร้าน และโลโก้เปอร์เซ็นต์อันเป็นสัญลักษณ์ที่สะดุดสายตาทุกคน ทั้งหมดทำให้ความนิยมในกาแฟและตัวร้านแพร่ขยายไปยังผู้ที่ชื่นชอบกาแฟทั่วโลก จนทำให้ปัจจุบัน % Arabica มีสาขาทั่วโลกทั้งหมด 59 แห่ง
PUDDLE สตูดิโอจากกรุงโตเกียวก็เป็นหนึ่งกำลังสำคัญที่ทำให้สไตล์ของร้านกาแฟกลายเป็นที่นิยม คุณ Masaki Kato ผู้ก่อตั้ง เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกมุ่งเน้นไปที่การรีโนเวทพื้นที่ใหม่ โดยมีเป้าหมายหลัก ๆ คือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ตรงนั้นให้เกิดความแตกต่าง แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของบริเวณโดยรอบ กล่าวอย่างง่ายคือ เปลี่ยนแปลงให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ภายใต้วัฒนธรรมที่ไม่ฉีกจากเดิมมากนัก และ PUDDLE กับ % Arabica ก็ร่วมงานกันมาตั้งแต่สาขาแรกที่เกียวโต ไปจนถึงสาขาแรกในยุโรปที่เบอร์ลิน
วันนี้เราจะพาไปชมทั้ง 8 สาขา ว่าดีไซน์ที่เขาพูดถึงกันในแง่ของความมินิมัลและจุดสะกดสายตาของผู้สัญจรไปมา ว่าจะเป็นอย่างไร?
% Arabica Kyoto Higashiyama
สาขานี้เป็นสาขาแรกของ % Arabica เปิดตัวในปี 2014 โดยบ้านที่นำมารีโนเวทนั้น เป็นบ้าน 2 ชั้น อายุกว่า 50 ปี โดยสาขานี้ เป็นเหมือนโกดังเก็บเมล็ดพันธุ์กาแฟ รวมถึงเป็นสถานที่โชว์การคั่วเมล็ดกาแฟให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ฝึกอบรมบาริสต้าจากทั่วทุกมุมโลกที่จะมาเป็นบาริสต้าของ % Arabica
“การที่เราเลือกเอากระจกใสขนาดใหญ่มาไว้ด้านหน้านั้น ก็เพื่อเป็นจุดดึงดูดผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ให้หยุดและมองเข้าไปข้างใน และนั่นก็เป็นดีไซน์ที่เราหยิบมาใช้ต่อมา” คุณ Masaki Kato กล่าว
% Arabica Kyoto Arashiyama
สาขานี้สร้างเสร็จในปี 2015 เป็นสาขาที่หลาย ๆ คนยกให้เป็นสาขาที่วิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำคัตสึระ ไฮไลท์การออกแบบอยู่ที่หลังคาและพื้นร้านโดยเน้นความเป็นสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบจัดเต็ม ประตูทางเข้าเป็นแบบบานเลื่อนสไตล์ญี่ปุ่นแต่ก็ยังคงคอนเซปต์ความใสเหมือนเดิม ด้านหน้าร้านใช้หินอ่อนสีขาวและมีพื้นที่สำหรับนั่งโดยรอบหน้าร้าน ซึ่งไว้ให้ลูกค้าถ่ายรูปกันแบบชิล ๆ
% Arabica Kiosk @ Parasophia
สาขานี้อาจจะดูไม่ใช่ร้านที่ใหญ่โตมากมายนัก แต่เรื่องราวของการสร้างน่าสนุกมาก ๆ คุณ Masaki Kato เล่าให้ฟังว่า เขาได้ออกแบบร้าน % Arabica เป็นแบบบูธเคลื่อนที่ ซึ่งสามารถก่อสร้างและรื้อถอนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเข้าไปขายในงาน Kyoto International Modern Arts Festival ในปี 2015 ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองเกียวโต แต่เมื่องานจบลง เขารู้สึกว่ามันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ไปแล้ว
เฟรมของร้านทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบาและโพลีคาร์บอเนต ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายกับเรือนกระจกปลูกผักยังไงยังงั้น และที่สำคัญคือ มันมีน้ำหนักที่เบามากพอที่แบกไปติดตั้งได้ด้วยคนเพียงคนเดียว ผนังของร้านใช้เป็นคอนกรีตวางซ้อนกัน ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไปในญี่ปุ่น รองฐานด้วยไม้อัดเสริมความแข็งแกร่ง แถมยังใส่กิมมิคเล็ก ๆ รอบบริเวณด้วยกรวดสีขาวเพิ่มความน่าจดจำให้กับร้าน และที่สำคัญมันโดดเด่นด้วยโลโก้ร้านที่สว่างไสวสวยงาม
% Arabica Kuwait Gardenia
ออกจากญี่ปุ่น ข้ามมาที่คูเวต สาขานี้ตั้งอยู่ชั้นล่างของอาคารสูงใกล้กับห้างสรรพสินค้า มีพื้นที่ขนาด 73 ตารางเมตร โดยรอบของบริเวณมีที่นั่งเพื่อให้ลูกค้าพักผ่อน พลางจิบกาแฟ การออกแบบยังคงคอนเซปต์แสนเรียบง่าย ใช้กระจกบานใหญ่เปิดบริเวณร้าน 2 ฝั่ง ส่วนฝั่งของบาริสต้าปิดด้วยผนังสีขาวประดับด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ทำกาแฟ ส่วนอีกฝั่งปิดด้วยไม้ฮิโน ให้ความรู้สึกอบอุ่นในช่วงเวลากลางวัน ด้านบนของทั้ง 2 ฝั่งโชว์กระสอบเมล็ดกาแฟ สังเกตได้ว่าดีไซน์ยังมีความญี่ปุ่นอยู่เล็ก ๆ แต่ก็มีความเป็นคูเวตผสมอยู่หน่อย ๆ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวเหมือนกาแฟของ % Arabica
“เมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป ไฟที่ร้านแห่งนี้ก็ยังคงให้ความอบอุ่นกับลูกค้า แถมยังสบายตากับผู้ที่นั่งทำงานในร้านช่วงเวลาดึก เปรียบเหมือนแสงเทียนในกล่องแก้ว ที่ส่องสว่างยามค่ำคืนและให้ความอบอุ่นเมื่ออากาศเย็นลง” คุณ Masaki Kato เล่าให้ฟังถึงไฮไลท์การออกแบบ
% Arabica Kuwait Roastery
สาขานี้ก็ยังคงอยู่ในคูเวต แต่มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่กว่า เพราะเป็นทั้งร้านกาแฟและโกดังสำหรับธุรกิจ B2B ในภูมิภาคด้วย ในตัวสาขานี้จะมีโชว์รูมที่เอากระสอบกาแฟ เครื่องบรรจุเมล็ดกาแฟใส่กระสอบ มาให้ลูกค้าได้ดูกรรมวิธีการบรรจุ สาขานี้ตั้งอยู่ในย่าน Shuwaikh เป็นที่รู้จักกันดีของผู้คนระแวกนั้นว่าเป็นแหล่งอุตสาหกรรมขนาดเล็กมากมาย เช่น ร้านซ่อมรถยนต์, โชว์รูมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และคลังวัสดุก่อสร้าง
คุณ Masaki Kato เล่าให้ฟังว่าทางทีมได้สังเกต วิเคราะห์ และศึกษาสถาปัตยกรรมโดยรอบของพื้นที่บริเวณนี้ก่อนจะทำการออกแบบ โดยใช้ 3 องค์ประกอบในการออกแบบที่แตกต่างกัน ส่วนแรก คือSubtraction การมีอยู่ของสถาปัตยกรรมในการออกแบบ พูดโดยรวมก็คืองานออกแบบทั่วไป โดยที่นี่ก็ยังคงคอนเซปต์เหมือนเดิม แต่ใส่ความเป็น Local ให้กลมกลืนกับพื้นที่โดยรอบ ส่วนต่อมาคือ Connection การเชื่อมโยงระหว่างการออกแบบภายในสู่การออกแบบภายนอก เชื่อมโยงระหว่างลูกค้าสู่ลูกค้า เชื่อมโยงระหว่างธุรกิจสู่ธุรกิจ และส่วนสุดท้ายคือ Materials ใช้วัสดุ่กอสร้างที่บ่งบอกความเป็น Local ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นมินิมัลตามสไตล์ % Arabica
% Arabica Hong Kong Star Ferry
ขยับออกจากคูเวต มาทางฝั่งฮ่องกงกันบ้าง โดยสาขานี้เป็นสาขาแรกของ % Arabica ที่ฮ่องกง มีขนาดพื้นที่ราว ๆ 17 ตารางเมตร อยู่ติดกับท่าเรือ Star Ferry แน่นอนว่า เมื่อเปิดสาขาใกล้ ๆ กับแหล่งที่ผู้คนผ่านไปผ่านมาเป็นจำนวนมากแล้ว การขายแต่กาแฟอย่างเดียวคงจะไม่ได้ % Arabica จึงพ่วงด้วย Accessory ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า, กระเป๋าสะพาย, แก้วน้ำเก็บความเย็น รวมถึงเมล็ดกาแฟ ที่หยิบมาโชว์เรียกความน่าสนใจให้กับร้านได้ไม่น้อย และบริเวณด้านหน้าก็มีแท่นวางเล็ก ๆ ไว้วางแก้วเพื่อเตรียมหยิบตั๋วโดยสารหรือเก็บเงินทอน ก่อนจะเดินทางอีกด้วย
% Arabica Kyoto FUJII DAIMARU
เป็นสาขาที่ 3 ในเกียวโตของ % Arabica ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อว่า FUJII DAIMARU ในสาขานี้ คุณ Masaki Kato บอกว่า เป็นสาขาที่มีพื้นที่ให้นั่งเล่นเพิ่มอรรถรสในการดื่มด่ำไปกับรสชาติกาแฟ แถมบริเวณที่ให้นั่ง ทำออกมาเหมือนกับรถไฟ อีกหนึ่งประสบการณ์ที่อยากจะมอบให้กับลูกค้า และอยากจะเพิ่มพื้นที่ให้มากกว่า 2 สาขาก่อนหน้านี้ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ให้ผู้ที่รอคิวสามารถนั่งรอบริเวณดังกล่าวได้
% Arabica Berlin
% Arabica สาขาแรกในทวีปยุโรป ตั้งอยู่ในเขตครอยซ์แบร์ก กรุงเบอร์ลิน สาขานี้ตั้งอยู่ในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ ตั้งแต่ภายนอกจนไปถึงการตกแต่งภายใน คุณ Masaki Kato เล่าให้ฟังว่า มันเป็นสาขาที่มีความน่าตื่นเต้นมาก ๆ เพราะด้วยความที่เป็นอาคารที่เก่าแก่อย่างมาก เราจึงต้องระมัดระวังในการปรับปรุงไม่ให้กระทบโครงสร้างอันเปราะบางของตัวอาคาร
คอนเซปต์การออกแบบก็คือการสะท้อนแนวคิด “Sincere and Sturdy (จริงใจและหนักแน่น)” และ “Taru wo Shiru (รู้ถึงความเรียบง่ายและเพียงพอ)” เพราะคุณ Kato ได้แรงบันดาลใจมาจากชุมชนและท้องถนนโดยรอบร้าน รวมถึงคุณ Dieter Rams นักออกแบบอุตสาหกรรมสัญชาติเยอรมัน ที่ทำให้การตกแต่งร้านมีความเรียบง่ายแต่หนักเรื่องฟังก์ชันการใช้งาน เมื่อทั้งหมดผสมผสานกัน จึงออกมาเป็นสาขาที่มีความญี่ปุ่นและความเก่าแก่แบบเยอรมันได้อย่างลงตัว
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.designboom.com/architecture/8-cafes-coffee-shops-puddle-arabica-07-12-2020/