คริสตัล ลากูนส์ บริษัทนวัตกรรมน้ำข้ามชาติ ผู้พัฒนา ลากูน ที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลอย่างยั่งยืนและโอบล้อมด้วยชาดหาด โดยใช้ต้นทุนในการก่อสร้างและบำรุงรักษาที่ต่ำ ยังคงเดินหน้าเปลี่ยนแปลงโครงการอสังหาริมทรัพย์จากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะสามารถพัฒนาได้ ให้กลายเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดด้วยผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment หรือ ROI) ในอัตราที่สูงอย่างเหลือเชื่อ

คริสตัล ลากูนส์ ได้เร่งยอดขายและยังเพิ่มมูลค่าต่อตารางเมตรให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกโครงการด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งได้รับการรับรองสิทธิบัตรใน 160 ประเทศ และทำให้สามารถนำไลฟ์สไตล์ราวกับการอยู่ริมชายหาดอันงดงามมาสู่ทุกพื้นที่ทั่วโลก

สำหรับในตะวันออกกลาง คริสตัล ลากูนส์ ได้เพิ่มลากูนน้ำใสประดุจคริสตัลในโครงการเมกาโปรเจ็คแห่งอนาคตอย่าง “โมฮัมเม็ด บิน ราชิด อัล มัคตุม ซิตี้” (Mohammed Bin Rashid Al Maktoum City) ในดูไบ ซึ่งปัจจุบันเป็นโครงการที่ขายวิลล่าในราคาที่สูงที่สุดในเอมิเรตส์ ด้วยราคาเริ่มต้น 7,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตารางเมตร และวิลล่าสุดหรูที่มีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยมูลค่าสูงสุดถึง 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหลัง ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างลากูนที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลที่ออกแบบโดยคริสตัล ลากูนส์ โดยลากูนน้ำใสใน โมฮัมเม็ด บิน ราชิด ซิตี้ เขต 1 (MBRC District One) แห่งนี้ จะกลายเป็นลากูนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและจะทำลายการบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ (Guinness World Record) ของ คริสตัล ลากูนส์ เองเป็นครั้งที่สามเมื่อการก่อสร้างนี้เสร็จสมบูรณ์ ด้วยพื้นที่พื้นผิวของลากูนที่มีเนื้อที่กว่า 40 เฮคเตอร์ (กว่า 250 ไร่) และหาดทรายที่มีความยาวกว่า 7 กิโลเมตร โครงการนี้ทำให้ คริสตัล ลากูนส์ สามารถสร้างสรรค์สวรรค์ริมชายหาดอันงดงามในพื้นที่ที่ไม่คาดคิดอย่างพื้นที่ท่ามกลางทะเลทรายได้สำเร็จ

คริสตัล ลากูนส์ ในดูไบ
คริสตัล ลากูนส์ ในดูไบ

นอกจากนี้ ในประเทศชิลี คริสตัล ลากูนส์ ยังได้เปลี่ยนแปลงโครงการ ซาน อัลฟองโซ เดล มาร์ (San Alfonso del Mar) ซึ่งในตอนเริ่มต้นโครงการได้มีการวางแผนพัฒนาโครงการทั้งหมดในขนาด 400 ยูนิต ให้กลายเป็นรีสอร์ทที่ประสบความสำเร็จที่สุดในอเมริกาใต้ตอนล่าง (Southern Cone) หลังจากที่ได้เริ่มดำเนินการเทคโนโลยีของ คริสตัล ลากูนส์ และได้ก่อสร้างลากูนที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลแล้ว ทั้งโครงการดังกล่าวได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนกระทั่งมีการขยายการพัฒนาโครงการด้วยการสร้างอพาร์ทเมนท์เพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนทั้งหมด 1,000 ยูนิต ในบริเวณรอบ ๆ และมีราคาขายที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นอกจากนี้ โครงการนี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ คริสตัล ลากูนส์ ด้วยความสามารถในการสร้างชายหาดสไตล์แคริบเบียนบริเวณชายฝั่งที่หนาวเย็นและอันตรายมากได้สำเร็จ

บริษัทยังได้บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในตลาดประเทศสหรัฐฯ ด้วยการประกาศความร่วมมือกับรีสอร์ทหรูระดับโลก ในการเปลี่ยนถนนสายหลักของลาสเวกัสหรือลาสเวกัส สตริป (Las Vegas Strip) ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ของโลก ให้เป็นสวรรค์แห่งหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ และเพิ่มตัวเลือกบริการเพื่อเพิ่มความบันเทิงให้แก่กลุ่มลูกค้าและกลุ่มครอบครัวอย่างหลากหลายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับสาธารณูปโภคอื่น ๆ อย่างสนามกอล์ฟ ซึ่งจำกัดความบันเทิงให้แก่คนเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น

1Crystal Lagoons_San Alfonso

ในเอเชีย คริสตัล ลากูนส์ ยังคงเดินหน้าเพิ่มมูลค่าและรับประกันการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการที่มีอยู่จำนวน 20 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไป และมี 2 โครงการที่ดำเนินการแล้วในปัจจุบัน โครงการ “บินตัน เทรเชอร์ เบย์” (Bintan Treasure Bay) ในประเทศอินโดนีเซีย มีลากูนที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลขนาด 6.3 เฮคเตอร์ (45 ไร่) โดยมีพื้นที่ริมฝั่งที่มีความยาว 1.6 กิโลเมตร และมีบริเวณที่ห้อมล้อมด้วยหาดทรายขาว 7 แห่ง (ชายหาดมีความยาวทั้งหมด 1.1 กิโลเมตร) โครงการดังกล่าวประกอบด้วยที่อยู่อาศัยจำนวน 3,000 ยูนิต โรงแรมสี่และห้าดาว เพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรสิงคโปร์ที่เติบโตขึ้น ในด้านการท่องเที่ยวและสาธารณูปโภคเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ โดยตั้งอยู่บนเกาะสวรรค์อย่างเกาะบินตัน ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่จากประเทศสิงคโปร์เพียง 1 ชั่วโมง ลากูนแห่งนี้เหมาะแก่การว่ายน้ำและจัดการแข่งขันกีฬาทางน้ำ เช่น เคเบิ้ลสกีน้ำ วอเตอร์เจ็ทแพ็ค พายเรือคายัค วินเสิร์ฟ ดำน้ำสน็อคเกิ้ล และพายเรือแพดเดิ้ลบอร์ด คริสตัล ลากูนส์ ที่ เทรชเชอร์ เบย์ บินตัน เป็นลากูนน้ำเค็มที่ใสประดุจคริสตัลเพื่อการสันทนาการที่ใหญ่ที่สุดที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ สำหรับในประเทศไทย โครงการที่สองของ คริสตัล ลากูนส์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นตั้งอยู่ในอำเภอหัวหิน ซึ่งโครงการดังกล่าวประกอบด้วยลากูนน้ำใสประดุจคริสตัลขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่ถึง 6.3 เฮคเตอร์ (45 ไร่) พร้อมพื้นที่ริมฝั่งที่มีความยาว 2.2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นบริเวณที่วิลล่าหรูหราเหนือระดับตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังประกอบด้วยหาดทรายขาวอันงดงามที่มีความยาว 220 เมตร คันทรีคลับส่วนตัว และสถานที่ออกกำลังกายอันทันสมัย จากการที่โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองและชายทะเลเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร คริสตัล ลากูนส์ ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงโครงการเช่นนี้ให้กลายเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดด้วยคุณลักษณะในการเพิ่มมูลค่าต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

ด้วยแนวคิดอันเป็นเอกลักษณ์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของบริษัท ยังคงเพิ่มจำนวนโครงการที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเทคโนโลยีดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับทำเลมากที่สุด และยังสร้างสรรค์ชายหาดอันงดงามด้วยลากูนน้ำใสประดุจคริสตัลที่ไม่จำกัดขนาดที่สามารถก่อสร้างและบำรุงรักษาได้ด้วยการใช้ต้นทุนต่ำ โดยสามารถสร้างขึ้นในพื้นที่อันไม่คาดคิดได้ทุกแห่ง นอกจากนี้ เทคโนโลยีแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนของ คริสตัล ลากูนส์ ยังสามารถใช้น้ำได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย ซึ่งตอบสนองความต้องการในอุดมคติของผู้พัฒนาโครงการได้เป็นอย่างดี และยังลดปริมาณการใช้น้ำได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น เมื่อลากูนที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลได้ถูกเติมเต็มด้วยน้ำจืด ลากูนนั้นจะใช้น้ำน้อยกว่าสนามกอล์ฟสูงสุดถึง 30 เท่า และใช้ปริมาณน้ำเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของสวนสาธาณะที่มีขนาดเดียวกัน

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีจำนวนผลงานมากมายกว่า 400 โครงการในหลายระยะการพัฒนา ทั้งในเขตเมือง สถานที่ท่องเที่ยว พื้นที่สาธารณะ และภาคอุตสาหกรรม ใน 60 ประเทศทั่วโลก

Previous articleNEXT architects ออกแบบสะพานริ้วคลื่น Lucky Knot สร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในเมืองฉางชา
Next articleสมาคมสถาปนิกสยามฯ ประสงค์ว่าจ้าง
พัฒนาแบบและก่อสร้างนิทรรศการ ในงานสถาปนิก’60
Builder News
กองบรรณาธิการเว็บไซต์ Builder News - ด้วยความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ที่มาพร้อมกับการรับข่าวสารในรูปแบบใหม่ ทั้งจากสื่อออนไลน์ และโซเชี่ยลมีเดีย เว็บไซต์ Builder News จึงถือกำเนิดขึ้น แตกย่อยออกมานอกเหนือจากนิตยสาร Builder โดยเน้นนำเสนอเรื่องราวในวงการก่อสร้าง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบตกแต่ง ตลอดจนความรู้เรื่องวัสดุอย่างครบวงจร ที่มุ่งถึงกลุ่มผู้อ่านออนไลน์มากยิ่งขึ้น