หลังจากที่ทุกคนได้รู้จักกับ เทรนด์การก่อสร้าง ในปี 2021 Part 1 ไปแล้ว วันนี้ BuilderNews จึงนำเทรนด์ที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างไม่แพ้ Part 1 มาให้ทุกคนได้ติดตามกันต่อ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์แก่อุตสาหกรรมของคุณแน่นอน
จะมีเทรนด์ที่สำคัญอะไรอีกบ้าง ตาม BuilderNews มากันเลย!
Table of Contents
6. อาคารสีเขียว (Green Building)
การก่อสร้างเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ถือเป็นเทรนด์การก่อสร้างที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในปี 2021 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ผู้ซื้อบ้าน ผู้ให้เช่า และผู้เช่าต่างกำลังมองหา ทว่ารูปแบบการก่อสร้างแบบยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นยังคงมีราคาสูง แม้ว่าจะเป็นการประหยัดในระยะยาวก็ตาม และมันจะเปลี่ยนไปในทศวรรษหน้าเนื่องจากการก่อสร้างเชิงนิเวศและการก่อสร้างที่ยั่งยืนจะกลายเป็นเทรนด์การก่อสร้างที่สำคัญและผู้คนต่างให้ความสนใจมากขึ้น
แหล่งพลังงานหมุนเวียนครองพื้นที่ 11 เปอร์เซ็นต์ในตลาดพลังงานปี 2019 (จากข้อมูลของ U.S. Energy Information Administration) และเป็นภาคส่วนเดียวที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก เนื่องจากอาคารต่าง ๆ ยังคงต้องรับผิดชอบต่อการใช้พลังงาน 40 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐอเมริกาและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การก่อสร้างเชิงอนุรักษ์คือการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดรอยเท้าคาร์บอน (carbon footprint) ในการก่อสร้างอาคารรวมไปถึงการใช้โมเดลอาคารเพื่อลดการใช้ทรัพยากรอีกทางหนึ่ง ซึ่งบางครั้งการอาศัยอยู่ในอาคารสีเขียวก็ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับรู้ถึงคุณค่าอะไรบางอย่าง โดยได้มีงานวิจัยที่ชี้ว่าอาคารสีเขียวสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อด้านจิตใจและร่างกายทั้งผู้อยู่อาศัยเองและผู้ที่สัญจรไปมาเช่นกัน
Greenscaping คือ ตัวอย่างของการตกแต่งหลังคาด้วยการปลูกต้นไม้และสวนสาธารณะขนาดเล็ก โดยปัจจุบันการตกแต่งอาคารแนวนี้ได้รับความนิยมมากในใจกลางเมืองทั่วโลก นักพัฒนาได้พัฒนาโปรเจกต์ “Landscraper” ซึ่งเป็นอาคารที่มีขนาดใกล้เคียงกับตึกระฟ้าแต่สร้างในแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้ Greenscapes ปกคลุมโครงสร้างในขณะที่ช่วยเสริมความทนทานต่อแรงพายุจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
7. การก่อสร้างแบบสำเร็จรูป (Modular and Offsite Construction)
การก่อสร้างแบบสำเร็จรูป (Modular and prefab construction) อยู่ในช่วงกลางระหว่างการเติบโตในรอบหลายปีซึ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยตลาดการก่อสร้างแบบสำเร็จรูปโดยเฉพาะส่วนของตลาดที่อยู่อาศัยถือว่ามีอิทธิพลมากที่สุดนั้นคาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 110,000 ดอลลาร์ภายในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากการขาดแรงงานที่มีทักษะและเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้การก่อสร้างแบบสำเร็จรูปเติบโตมากกว่าที่เคยเป็นมา ตอนนี้โรงแรม CitizenM Bowery ที่มี 21 ชั้น กลายเป็นโปรเจกต์สิ่งปลูกสร้างแบบสำเร็จรูปที่สูงที่สุดในสหรัฐ และ New York Department of Housing Preservation and Development ก็เพิ่งร่วมมือกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในด้านนี้เพื่อก่อสร้างการพัฒนาที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้ในพื้นที่ทางตะวันออกของนิวยอร์ก ผู้ก่อสร้างรายใหญ่ในต่างประเทศหลายรายกล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะลดกิจกรรมการก่อสร้างแบบ On-site แบบปกติลง 25 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2025 เพื่อเตรียมตัวไปสู่การก่อสร้างแบบสำเร็จรูป
ทว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่น้อย เนื่องจากผู้ผลิตบางรายต้องปิดตัวลงเพื่อแก้ไขภาพรวมของธุรกิจ ทว่าการก่อสร้างแบบสำเร็จรูปก็ไม่ได้หายไปไหน โปรเจกต์การก่อสร้างแบบสำเร็จรูปจะเป็นเทรนด์การก่อสร้างที่ช่วยให้สามารถควบคุมความปลอดภัยของพนักงานได้ดีขึ้นในสภาวะที่มีการควบคุมโรคเช่นนี้ และทำให้สามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้เนื่องจากคนงานไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่ทำงานกันเยอะมากเหมือนการก่อสร้างแบบทั่วไปนั่นเอง
8. ซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการการก่อสร้าง (Construction Management Software)
เทรนด์การก่อสร้างที่สำคัญสำหรับปี 2021 นี้ก็คือซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการการก่อสร้าง ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแข่งขันเพื่อสร้างธุรกิจที่มีคุณค่าและควบคุมประสิทธิภาพการทำงาน
ในขณะที่แต่ละซอฟต์แวร์มีความแตกต่างกันในการใช้งานและข้อเสนอต่าง ๆ ความต้องการสำหรับ RFI (Request for Information คือ หนังสือสำหรับขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อแจ้งให้คู่ค้าธุรกิจของคุณส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาให้ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่มีอยู่ ฯลฯ) ไปสู่การรวบรวมข้อมูล การแชร์ไฟล์กับทีมเคลื่อนที่ การจัดทำงบประมาณ การเก็บเอกสาร การจ่ายเงินเดือนและระบบ HR รวมไปถึงการตรวจสอบสินค้าคงคลัง ควรจะเป็นสิ่งพื้นฐานที่ซอฟต์แวร์เหล่านั้นพึงมี
โดยซอฟต์แวร์ที่เป็นตัว Top สำหรับปี 2021 ได้แก่
การเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะกับบริษัทของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเริ่มจากซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่ายเพื่อรวมเข้ากับซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ มองหาซอฟต์แวร์ที่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้ (ทว่าก็สามารถนำซอฟต์แวร์นี้ไปปรับใช้ในอนาคตได้ด้วย) ประเมินตัวเลือกต่าง ๆ ในซอฟต์แวร์ การอัปเกรด และฟีเจอร์อื่น ๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังต้องดูเรื่องของการสนับสนุนการใช้บริการซอฟต์แวร์นั้นและการสอนการใช้งานซอฟต์แวร์ที่เข้าใจง่ายและคุ้มกับการลงทุนของคุณ
9. โฟกัสที่โปรเจกต์ที่พักอาศัย (Focusing on Residential Projects)
ด้วยความที่การลงทุนทั่วโลกจากบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นในโปรเจกต์ใหญ่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น เมืองอัจฉริยะ บริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่อย่าง Skanska ได้ประกาศว่าพวกเขาไม่ได้ดำเนินโครงการขนาดใหญ่ด้านการขนส่งสาธารณะและเอกชนอีกต่อไป แต่มุ่งเน้นไปที่การจัดการที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น โปรเจกต์ที่อยู่อาศัย เป็นต้น
การชะลอตัวลงของโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ส่งผลให้โครงการของภาคเอกชนได้รับความสนใจมากขึ้น การก่อสร้างที่อยู่อาศัยในภาคเอกชนเพิ่มขึ้นถึง 7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 และการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนตัวมีการเติบโต 12.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020
10. เมืองอัจฉริยะ (Smart Cities)
หลาย ๆ บริษัทด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น IBM Microsoft และ Cisco ล้วนลงทุนอย่างหนักในโปรเจกต์ใหญ่ ๆ เพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะและเมืองที่ยั่งยืน ซึ่งเมืองเหล่านี้มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงมากกว่าโปรเจกต์ใหญ่แบบอื่น นอกจากนี้ยังต้องการการวางแผนและการพัฒนาที่เข้มงวดก่อนจะเริ่มสร้าง โดยทั่วโลกได้ลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะสูงถึง 120 พันล้านเหรียญในปี 2020 และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
โปรเจกต์ใหญ่ ๆ ที่น่าจับตามองทั่วโลก ได้แก่ Masdar City ที่สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เขตเศรษฐกิจนานาชาติ Songdo ในเกาหลีใต้ Hudson Yards ในนิวยอร์ก และ Delhi Mumbai Industrial Corridor ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งโปรเจกต์เหล่านี้มีมูลค่าตั้งแต่ 100 ล้าน ถึงมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ และล้วนเป็นโปรเจกต์ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
เทรนด์การก่อสร้างเหล่านี้ล้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในตลาดโลก ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องในทศวรรษนี้ และอาจมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในเรื่องของความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยที่นักพัฒนาสามารถลดความเสี่ยง ได้รับการเซ็นสัญญามากขึ้น และสร้างผลกำไรได้ดีขึ้นจากการนำเทรนด์เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการลงทุนในโครงการใหม่
ปี 2020 เป็นปีที่ค่อนข้างยากสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง แต่เมื่อมองไปข้างหน้า แนวโน้มส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางที่ดีมากกว่าซึ่งคาดว่าการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นตลอดปี 2564 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวจากการแพร่ระบาด และศูนย์เศรษฐกิจใหม่ยังคงพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นแนวโน้มดังกล่าวแล้วก็อย่าลืมนำเทรนด์เหล่านี้ไปปรับใช้กันล่ะ
จับตาดูเทรนด์อุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2021 Part 1
อ้างอิงข้อมูลจาก