เว็บไซต์ Construction Dive รายงานทิศทางเทคโนโลยีก่อสร้างจากอย่าง IoT และ BIM ว่ามีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่องนับจากนี้จนถึงปี 2025 ขณะที่โซลูชั่นเฉพาะทางอย่างเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ และการพิมพ์ 3 มิติ จะเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดเฉพาะกลุ่ม

รายงานซึ่งเป็นงานวิจัยของ Ernst & Young LLP ระบุว่า แม้การพิมพ์ 3 มิติ จะยังเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีอัตราการประยุกต์ใช้ต่ำที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมในปัจจุบัน แต่กลับมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยประสิทธิภาพในการลดต้นทุนในการดำเนินการ ขณะที่การพิมพ์ 3 มิติ ณ ปัจจุบัน มักใช้งานในการเทคอนกรีตสำหรับระบบก่อสร้างแบบสำเร็จรูป (prefabrication) เป็นหลัก

ตารางด้านล่างแสดงถึงมูลค่าตลาด และการวัด % การเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยเฉลี่ยต่อปี สำหรับแต่ละเทคโนโลยี

ส่วน Blockchain จะมาช่วยให้เกิดความโปร่งใสในโครงการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อรวมกับเทคโนโลยีต่อยอดอย่าง Smart Contract หรือสัญญาอัจฉริยะ ในการกำหนดการทำธุรกรรมต่างๆ ตามข้อตกลงโดยอัตโนมัติ เช่น การสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง ทำให้คาดการณ์ว่า Blockchain จะเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025

ขณะที่ IoT สามารถอำนวยความสะดวกเรื่องการแชร์ข้อมูลอัปเดตล่าสุด ผ่านทางอุปกรณ์สวมใส่ติดตัวกับร่างกาย หรือข้อมูลระหว่างเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้วยกันเอง โดยมีตัวอย่างการใช้งานในช่วงวิกฤตโควิด-19 ผ่านอุปกรณ์สวมใส่ของคนงาน เพื่อตรวจสอบว่าที่ไซต์งานก่อสร้างมีการเว้นระยะห่างทางสังคม

ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า 25% ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างเท่านั้น ที่มีกลยุทธ์ดิจิทัล และมีเพียง 9% ที่รู้สึกว่าบริษัทของตนพร้อมเปลี่ยนแปลงแนวความคิดและนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงของอุตสาหกรรมที่ Profit Margin น้อย การตัดสินใจลงทุนในด้านเทคโนโลยีอาจจะดูเป็นการเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อผลประโยชน์ที่จะได้รับยังไม่ชัดเจนนัก

Eric Ottinger ผู้ร่วมวิจัยและผู้จัดการฝ่ายบริการให้คำปรึกษาทางด้านก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ของ Ernst & Young มองว่าผู้รับเหมาก่อสร้างมักจะถูกบีบให้ดำเนินการหลายๆโครงการในเวลาเดียวกัน ความเครียดและการขาดรายได้อย่างต่อเนื่องในการเข้าสู่ธุรกิจ ส่งผลให้เกิดความท้าทายในการนำเทคโนโลยีมาใช้

อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีเหล่านี้ยังอยู่ช่วงเริ่มต้น ซึ่งมีหลายบริษัทที่เริ่มนำเข้ามาใช้ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงพัฒนาหรือช่วงทดลองใช้ และยังไม่สามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ แต่ที่เห็นได้ชัดคือความได้เปรียบที่เกิดขึ้น

 

อ้างอิงข้อมูล

https://www.constructiondive.com/news/report-how-major-contech-solutions-will-grow-by-2025/576106/

Previous articleคอตโต้ มอบความห่วงใย Work From Home ด้วยกระเบื้อง Hygienic Tile
Next articleคุยกับ “คุณอภิรัฐ” Freelance Designer ผู้สร้างคุณค่าจากวัสดุเหลือใช้
ที่กวาดรางวัลด้านดีไซน์ทั้งในและต่างประเทศ
เจตน์สฤษฏิ์ อ้องแสนคำ
Content Writer ผู้คลั่งไคล้การเสพหนัง, แคมป์ปิ้ง และอ่านหนังสือ ที่ฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง จึงเข้าสู่วงการสถาปัตยกรรมเพื่อศึกษาและค้นหาแรงบันดาลใจ