นอกจากความชุ่มฉ่ำที่มาพร้อมกับฤดูฝนแล้ว อีกเรื่องที่มาพร้อมกับฝนก็คือสารพัดปัญหาบ้านตั้งแต่หลังคาจนถึงพื้นดิน ซึ่งหลายครั้งการซ่อมแซมก็ทำได้ไม่สะดวกหากยังมีฝนตกอยู่ แต่ถ้าวางแผนให้ดีเสียตั้งแต่ตอนนี้ หมดฝนเมื่อไหร่ก็สามารถลงมือการซ่อมแซมบ้านได้ทันที
หลังคาบ้าน เป็นส่วนที่เจอะเจอปัญหามากที่สุดในหน้าฝน หลายคนอาจคิดว่าสาเหตุที่หลังคารั่วนั้นมาจากตัวกระเบื้องหลังคาหรือวัสดุมุงเสียหาย แต่นี่ไม่ใช่แค่สาเหตุเดียว เพราะหลังคารั่วเกิดได้จาก 3 สาเหตุหลักๆ นั่นก็คือ 1) กระเบื้องเสียหาย 2) การติดตั้งหลังคาไม่ถูกวิธี และ 3) หลังคาไม่ได้รับการดูแล
เพราะหลังคาอยู่ในจุดที่เจ้าของบ้านไม่สามารถตรวจสอบได้สะดวก กว่าที่จะรู้ว่าหลังคามีปัญหาบ้านก็รั่วไปเรียบร้อย
การซ่อมหลังคาแบ่งได้เป็น 2 แบบ นั่นก็คือการซ่อมรั่วเฉพาะจุด และการรื้อ-เปลี่ยนหลังคาทั้งผืน
การซ่อมรั่วเฉพาะจุดเหมาะกับบ้านที่หลังคาที่จุดเสียหายไม่มาก และอยู่ในสภาพที่ยังสามารถซ่อมแซมได้ ข้อดีของการซ่อมแบบนี้คือใช้เวลาไม่นาน และมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก
แต่ข้อควรระวังก็คือ หากช่างที่มาซ่อมวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาได้ไม่ถูกต้องและตรงจุด ปัญหาก็จะยังไม่หายขาด และหากช่างเลือกใช้วิธีการซ่อมแบบชั่วคราวอย่างการยิงซิลิโคนหรือว่าโปะปูน เมื่อเวลาผ่านไปหลังคาก็อาจกลับมารั่วเหมือนเดิมได้
ส่วนการรื้อ-เปลี่ยนหลังคาทั้งผืน หรือที่เราเรียกกันอีกอย่างว่า Re-Roof นั้นเหมาะกับบ้านที่หลังคาเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งหากซ่อมแบบเฉพาะจุดก็อาจไม่หายขาด หรือมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
การเปลี่ยนหลังคาทั้งผืนจะมีข้อดีตรงที่ทำให้ปัญหาหายขาด เพราะเป็นการรื้อหลังคาที่มีปัญหาออกแล้วมุงใหม่ และยังเปิดโอกาสให้เจ้าของบ้านเลือกใช้กระเบื้องหลังคาแบบใหม่เพื่อปรับสไตล์บ้านด้วย
แต่ข้อควรรู้ก่อนจะ Re-Roof ก็คือ ทีมช่างต้องมีความชำนาญและต้องสำรวจหน้างานอย่างละเอียด เพราะโครงสร้างของหลังคาอาจไม่พร้อมรองรับการรื้อและติดตั้งหลังคาใหม่ นอกจากนี้การ Re-Roof ยังต้องใช้เวลาในการทำงานมากกว่า และอาจมีเสียงหรือฝุ่นรบกวนที่หน้างาน นอกจากนี้ยังมีราคาที่สูงกว่าการซ่อมแบบเฉพาะจุดด้วย
สำหรับใครที่พื้นที่นอกบ้านเป็นพื้นดินหรือพื้นหญ้าแล้วล่ะก็ น่าจะเคยต้องปวดหัวกับสภาพพื้นดินที่กลายสภาพเป็นโคลน
หรือมีน้ำขังเป็นแอ่งๆ หลังฝนตกกันจนทำให้เราไม่สามารถเดินผ่านโดยไม่เลอะเทอะ
สำหรับปัญหาพื้นดินเฉอะแฉะมีน้ำขัง สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้บล็อกหรือกระเบื้องปูพื้นมาปูบริเวณพื้นที่นอกบ้าน หรือจะเลือกเทพื้นคอนกรีตก็ได้
วิธีนี้มีข้อดีตรงที่ช่วยแก้ปัญหาได้แบบระยะยาว และปกติจะใช้เวลาในการปรับปรุงไม่นาน แต่ข้อควรระวังก็คือ หากไม่มีการเตรียมพื้นที่หน้างานให้เรียบร้อย (เช่น ไม่มีการบดอัดทรายก่อนปู หรือไม่มีการปรับระดับพื้น) ก็อาจเกิดปัญหาหลังจากใช้งานได้ไม่นาน และยิ่งพื้นที่นอกบ้านกว้างแค่ไหน ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ก็ยิ่งเพิ่มสูงเท่านั้น
อีกหนึ่งปัญหาพื้นที่นอกที่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะพื้นที่ที่พื้นดินอ่อนนุ่มอย่างในกรุงเทพฯ ก็คือเรื่องของ “ดินรอบบ้านทรุด” แม้ว่าปกติแล้วปัญหานี้จะไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับตัวบ้านหรือโครงสร้าง แต่การที่ดินทรุดจนทำให้เกิดโพรงรอบบ้านๆ นั้นทำให้บ้านดูไม่สวย แถมยังอาจเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ร้ายด้วย
วิธีแก้ไขดินทรุดสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่วิธีง่ายๆ อย่างการนำกระถางมาบัง หรือใช้ขอบคันหินปิดโพรง แต่วิธีแก้ไขที่เราแนะนำหลักๆ จะมีสองวิธีค่ะ นั่นก็คือการทำคันดินแข็งกั้นแนว และปิดโพรงด้วยวัสดุที่แข็งแรงอย่างสมาร์ทบอร์ดหรือแผ่นคอนกรีต หรืออุดโพรงใต้บ้านให้เต็มด้วยวัสดุพิเศษ
ข้อดีของการปิดโพรงด้วยสมาร์ทบอร์ด/แผ่นคอนกรีตก็คือใช้เวลาในการทำไม่นาน มีค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล แต่ข้อควรรู้ก็การปิดโพรงแบบนี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาดินทรุดให้หายขาด แต่เป็นเพียงการชะลอเท่านั้น และหากพื้นรอบๆ โพรงเป็นพื้นคอนกรีต ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการทุบพื้นก่อนจะสามารถปิดโพรงได้
ส่วนการอุดโพรงด้วยวัสดุพิเศษนั้น มีข้อดีตรงช่วยอุดโพรงแบบถาวร และเข้าถึงซอกมุมเล็กๆ ในโพรงได้ดีโดยไม่เพิ่มน้ำหนักให้โครงสร้าง และช่วยลดการทรุดตัวของบ้าน แต่จุดควรพิจารณาก็คือหากบ้านของเรามีการเดินระบบต่างๆ เช่นท่อน้ำไว้ใต้บ้าน ก็จำเป็นต้องย้ายขึ้นมาบนพื้นดินก่อน และราคาของบริการนี้ยังมีราคาค่อนข้างสูง
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัสดุและบริการได้ที่
📍 SCG HOME Experience สาขาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา โทร. 02-101-9922
📍 แฟนเพจ SCG HOME Experience
📍 Line Official Account @scghomeexperience หรือ https://lin.ee/2DvMnJd2N
📍 สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง รูปแบบ Virtual Store ได้ที่ https://bit.ly/SCGHOMEExperiencevirtualstore
#ความรู้เรื่องบ้าน #SCGHOMEExperience