ในโลกของเรามีนิทรรศการเจ๋ง ๆ มากมายที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน และหนึ่งในนั้นก็คืองาน “World Expo” ซึ่งเป็นงานที่มีไว้เพื่อแสดงนวัตกรรมต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกว่าแต่ละประเทศมีอะไรมานำเสนอบ้าง แสดงถึงความก้าวหน้าและเทคโนโลยีในอนาคต โดยมีการจัดเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1851 ซึ่งจัดครั้งแรก ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และแต่ละประเทศก็ผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพในแต่ละปี
และในปี 2020 นี้ เมืองดูไบ เเห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นประเทศที่ได้รับชัยชนะการประมูลสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพ ด้วยการนำเสนอแนวคิด “Connecting Minds, Creating the Future” ที่ต้องการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการร่วมเเบ่งปันความคิดเห็น วัฒนธรรม เเละประสบการณ์ต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกเข้าด้วยกัน โดยงานจะจัดเป็นระยะเวลานานถึง 6 เดือนตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2021 – 31 มีนาคม 2022 (เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนการจัดเป็นปี 2021 แทน)
ดูรายละเอียดงานเพิ่มเติมที่ https://www.expo2020dubai.com/en
สถาปัตยกรรมและนวัตกรรมที่จะนำมาให้ชมกันในวันนี้ เป็นทั้งโปรเจกต์ที่สำเร็จแล้ว รวมไปถึงโปรเจกต์ที่กำลังจะสร้างในอนาคต
1.Aladdin City
จากเทพนิยายปรัมปรา สู่เมืองแห่งโลกอนาคตที่เหนือจินตนาการ สถาปัตยกรรมสุดล้ำซึ่งสร้างเลียนแบบ “ตะเกียงวิเศษ” ได้อย่างวิจิตรตระการตา
อาคารรูปทรงคล้ายตะเกียงวิเศษสีทองอร่ามนี้ ภายในประกอบไปด้วยออฟฟิศ ศูนย์การค้า ร้านอาหาร ฯลฯ และมีทางเชื่อมต่อระหว่างทั้ง 3 ตึกที่ติดแอร์เย็นฉ่ำตลอดทางเดิน โดยตึกมีความสูง 33, 25 และ 24 ชั้นตามลำดับ และที่สำคัญคือมีที่จอดรถได้มากถึง 900 คันเลยทีเดียว หมดปัญหาแย่งที่จอดรถกันอีกต่อไป
ด้วยงบประมาณการสร้างสูงถึง 1.8 พันล้านเดอร์แฮม เพราะฉะนั้นจะไม่เรียกว่าอลังการงานสร้างก็คงไม่ได้
2.Burj Khalifa
สถาปัตยกรรมอันแสนเลื่องชื่อแห่งหนึ่งของนครดูไบ กับความสูง 828 เมตร และถือว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยได้แรงบันดาลใจมาจากดอกไม้ทะเลทราย เป็นสถาปัตยกรรมรูปทรงเรขาคณิต ที่มีฐานเป็นรูปตัว Y ทำให้โครงสร้างอาคารมีความมั่นคงแข็งแรง และยังมีการปลูกต้นไม้ที่ทนต่อสภาพอากาศร้อนในดูไบได้ไว้บนตึกอีกด้วย
ตัวอาคารได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกันชื่อ Adrian D. Smith จากสำนักงานสถาปนิกสคิดมอร์ โอวิงส์ แอนด์ เมอร์ริลล์ (SOM) บริษัทที่ออกแบบอาคารชื่อดังของโลกหลายแห่ง
ภายในตึกมีทั้งสำนักงาน, ภัตตาคาร, คอนโดฯ, สระว่ายน้ำแบบเอาท์ดอร์, สุเหร่า, หอดูดาวกลางแจ้ง ซึ่งตึกนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงแค่เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกเท่านั้น ยังมีจุดชมวิวสูงที่สุดในโลกอีกด้วย
3.Dubai Frame
พบกับกรอบรูปที่สูงที่สุดในโลก สถาปัตยกรรมอันแสนตระการตา ด้วยความสูง 150 เมตร!
ตึกนี้เป็นตึกที่เชื่อมอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของดูไบเอาไว้ เพราะตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะ Zabeel Park ในเขต Al Kefaf ทางตอนเหนือของเมืองดูไบ ซึ่งเป็นเขตแบ่งระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่อย่างพอดิบพอดี และด้วยรูปทรงของตึก ทำให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับทัศนียภาพของดูไบแบบพาโนรามาทั้ง360 องศา พร้อมด้วยการบริการสุดเริศหรูอลังการเกินความฝัน
และสิ่งที่ทำให้ “กรอบรูปแห่งดูไบ” นี้เป็นที่เลื่องลือก็เพราะเรื่องราวดราม่าของตึกนี้ ซึ่งเป็นปัญหาระหว่างสถาปนิกผู้ออกแบบตึกจากเม็กซิโกชื่อ Fernando Donis กับเทศบาลนครดูไบ ซึ่งเดิมทีเป็นการประกวดแข่งขันภายใต้เงื่อนไขว่า “การออกแบบของผู้ชนะจะต้องได้รับการพิจารณาโดยเทศบาลนครดูไบ และจะได้รับการว่าจ้างให้ใช้แบบดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อมีการเซ็นสัญญาลงนามโดยทั้งสองฝ่ายเท่านั้น” แต่เทศบาลเมืองดูไบได้ทำการเปลี่ยนแปลงแบบของเขาเล็กน้อยทั้งยังสร้างตึกนี้ต่อไปโดยไม่มีการเซ็นสัญญาใด ๆ อีกทั้งเขาเองยังไม่ได้ค่าออกแบบหรือเงินชดเชยจากกรณีนี้เลย
4.Underwater Rail
มิติใหม่ของทางรถไฟ ซึ่งอยู่ใต้ดินก็ว่าล้ำแล้ว ดูไบไม่หยุดแค่นั้น เพราะได้มีโปรเจกต์ที่จะสร้างรถไฟความเร็วสูง “ใต้น้ำ”!! เพื่อเชื่อมต่อระหว่าง “มุมไบ-ดูไบ” จากอินเดียสู่ UAE
อุโมงค์ใต้น้ำนี้อาจสร้างจากท่อคอนกรีตทรงโค้งที่จะอยู่ใต้ผิวน้ำของทะเลอาราเบีย แต่ก็จะลึกมากพอที่จะไม่ให้ขัดขวางการสัญจรทางน้ำ ทนต่อทุกสภาพอากาศ และทนต่อสภาวะความเค็มของน้ำทะเล ทั้งยังสร้างอุโมงค์สุญญากาศเพื่อให้เกิดความเร็วมหาศาลเพื่อใช้สำหรับรถไฟในภาวะความต้านทานอากาศน้อยอีกด้วย
โดยระยะทางทั้งหมดจะอยู่ที่ 1,862 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง และความเร็วของรถไฟจะอยู่ที่ 600 ถึง 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะเอาชนะความเร็วของเครื่องบินได้
และทางรถไฟนี้จะให้ประโยชน์แก่ทั้งอินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดังนี้
1.ใช้เป็นเส้นทางการเดินทางสำหรับผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว และแรงงานเพื่อเดินทางระหว่างประเทศที่เข้าร่วมกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Corporation Council: GCC) กับอินเดีย
2.น้ำมันและแก๊สสามารถขนส่งจากท่าเรือ Fujairah ใน UAE ถึงอินเดียทางท่อขนส่งได้
3.ด้วยความที่แม่น้ำนาร์มาดา (Narmada) ถึงตอนเหนือของมุมไบเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี การสร้างรถไฟนี้จะสามารถสร้างทางออกของน้ำจากนาร์มาดาถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้
4.สินค้าและผลิตภัณฑ์สามารถขนส่งได้ง่ายขึ้นระหว่างสองประเทศ
5.เรือที่ผ่านระหว่างทุ่นลอยน้ำสามารถเติมเชื้อเพลิงผ่านสถานีได้
ถ้าสร้างได้จริงโลกก็คงต้องตกตะลึงกับเทคโนโลยีสุดว้าว จนเกิดความเคลื่อนไหวและนวัตกรรมต่าง ๆ ตามมาอีกมากมายแน่นอน
5.Museum of The Future
แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าไม่น่าธรรมดา และด้วยดีไซน์สุดล้ำทำให้จะไม่ยกสิ่งนี้มาพูดคงไม่ได้ “พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต” ในนครดูไบคือ สถาปัตยกรรมทรงโค้งแปลกตา ซึ่งสิ่งที่ทำให้พิพิธภัณฑ์นี้ไม่เหมือนใครเลยคือการสลักด้วยภาษาอารบิก 3 มิติ เป็นคำกล่าวของเจ้านครผู้ปกครองดูไบอย่าง HH Sheikh Mohammed ที่เห็นเด่นเป็นสง่าและสร้างเอกลักษณ์ให้สถาปัตยกรรมชิ้นนี้ได้อย่างงดงาม
ตึกมีความสูง 78 เมตร ซึ่งการดีไซน์ที่สำคัญและสามารถเป็นแลนด์มาร์กให้แก่ดูไบของตึกนี้ได้ก็คือ “การสร้างตึกคาร์บอนต่ำ” ผ่านการใช้นวัตกรรมต่าง ๆ ได้แก่ พาราเมทริกดีไซน์ สถาปัตยกรรมพลังงานแสงอาทิตย์แบบพาสซีฟ การหมุนเวียนทั้งพลังงานและน้ำ รวมถึงการสร้างพลังงานทดแทนแบบรวม
6.Bluewaters Island
โปรเจกต์หรูบนเกาะ Bluewaters ที่มีมูลค่ากว่า 4,800 ล้านบาท สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ ที่รวมเอาแหล่งธุรกิจที่อยู่อาศัยสุดอลังการ โรงแรม 5 ดาว วิลล่า และร้านอาหารมาไว้ด้วยกัน ทั้งนี้ก็เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะไปชมงาน World Expo 2020 นั่นเอง
โดยมีจุดเด่นที่สำคัญและถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของดูไบเลยก็คือ “Dubai Eye” ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่มีแรงบันดาลใจมาจาก London Eye ประเทศอังกฤษ ซึ่งชิงช้าสวรรค์นี้มีความสูงถึง 210 เมตร และมีแคปซูล 48 แคปซูล จึงทำให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 1,400 คนเลยทีเดียว
7.Mohammed bin Rashid Library
ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายหนังสือสุดอลังการนี้แสดงถึงประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมและอารยธรรมที่สำคัญ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่การศึกษา วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวมาอยู่รวมกัน โดยสร้างเพื่อเป็นเกียรติให้แก่เจ้าผู้ครองนครดูไบที่สำคัญอย่าง Mohammed bin Rashid Al Maktoum ห้องสมุดแห่งนี้มีหนังสือมากกว่า 4 ล้านเล่ม รวมไปถึงเอกสารต่าง ๆ หนังสืออ้างอิง บทความ หนังสือพิมพ์ และมีอีบุ๊กส์อีกถึง 2 ล้านเล่ม
โดยคอนเซ็ปต์การออกแบบในครั้งนี้เกิดขึ้นจากนักเดินทางเร่ร่อนในยุคก่อนที่พกหนังสือติดตัวไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคัมภีร์อัลกุรอาน แต่อย่างไรก็ดี การดีไซน์ยังสอดคล้องกับโลกในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเพื่อสะท้อนถึงความทันสมัย และในปี 2018 เว็บไซต์ท่องเที่ยวของออสเตรเลียยังเลือกให้ห้องสมุดแห่งนี้เป็นหนึ่งใน 10 สิ่งปลูกสร้างที่น่าชื่นชม และติดอันดับที่ 5 ของประเภทสถาปัตยกรรมอีกด้วย
8.Dynamic Tower
ตึกสูงธรรมดา ๆ มันเชยไปแล้ว ดูไบเปิดตัวโปรเจกต์ตึกหมุนได้ที่แรกของโลก! พบกับตึกสูงขนาด 420 เมตร มีท้้งหมด 80 ชั้น ที่สามารถหมุนได้ 360 องศา โดยแต่ละชั้นของตึกจะหมุนเป็นอิสระจากกันและด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถหมุนพื้นได้ตามความต้องการของตนเอง
สามารถควบคุมความเร็วและสั่งการได้ด้วยเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม ซึ่งจะสามารถควบคุมความสว่าง อุณหภูมิและสื่อมัลติมีเดียภายในวิลล่าได้อีกด้วย และจุดเด่นอีกประการหนึ่งคือการสะสมพลังงานแสงอาทิตย์ สิ่งเหล่านี้จะทำให้สามารถจัดแนวระเบียงโดยอัตโนมัติเพื่อรับกับแสงอาทิตย์ได้
Dynamic Tower มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นผู้นำของสถาปัตยกรรมยุคใหม่และเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมหานครอย่างชัดเจน โดยภายในจะประกอบไปด้วย โรงแรม ออฟฟิศ อพาร์ทเมนต์ และวิลล่าสุดหรู
9.Dubai Creek Tower
โปรเจกต์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับ Luxuary บนพื้นที่ขนาด 6 ตารางกิโลเมตร และคาดว่าจะมีความสูงถึง 928 เมตรเลยทีเดียว! สูงกว่า Burj Khalifa ที่เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย
โดยการดีไซน์ตึกได้แรงบันดาลใจมาจากดอกลิลลี่และสุเหร่า รวมกันมาเป็นตึกสูงที่ยึดด้วยสายเคเบิลที่มันคง ซึ่งหลัก ๆ จะใช้เพื่อเป็นหอสังเกตการณ์และมีสวนลอยฟ้าที่สวยงามราวกับสวนลอยบาบิโลน มีจุดชมวิวและห้องรับแขก VIP ทั้งยังมีชั้นสำหรับเป็นโรงแรม ที่พักอาศัยและร้านอาหารสุดหรู อีก 20 ชั้น
เม็ดเงินที่คาดว่าต้องใช้ลงทุนในโปรเจกต์นี้ตกอยู่ที่ประมาณ 3.67 พันล้านเดอร์แฮม และคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2021 เพื่อให้ทันงาน World Expo 2020
10.UAE Pavilion
ปิดท้ายด้วยสถาปัตยกรรมเจ้าภาพของงาน World Expo อย่าง “UAE Pavilion” ที่แน่นอนว่าอลังการไม่แพ้อย่างอื่นแน่นอน
ด้วยการออกแบบของสถาปนิกชาวสเปนนามว่า Santiago Calatrava ทำให้เกิด UAE Pavilion ที่สร้างเลียนแบบเหยี่ยว ภายใต้คอนเซปต์หลักของงานที่ว่า “connecting minds, creating the future” จึงอยู่ในรูปแบบประติมากรรมที่คล้ายเหยี่ยวที่โอบอุ้มนักท่องเที่ยวภายใต้ปีกที่แข็งแรงพร้อมที่จะปกป้อง ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณในอดีตและอนาคตของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต้องการสื่อออกมา
UAE Pavilion มี 4 ชั้น บนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร ซึ่งจะมีพื้นที่แสดงผลงาน เวทีกลาง อีกทั้งเลานจ์วีไอพีเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้การออกแบบที่ยั่งยืน พร้อม ๆ กับแนวคิดในแง่ของการสร้างโอกาสและการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งที่เป็นธีมหลักสามอย่างของงาน
จะเห็นได้ว่าดูไบ นครที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งมีความก้าวหน้าทั้งทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม สิ่งเหล่านี้ถูกสะท้อนผ่านสถาปัตยกรรมและโปรเจกต์ต่าง ๆ ของเมือง เพื่อให้โลกได้ประจักษ์ถึงความก้าวหน้าและการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ของสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์แห่งนี้
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
Part I: ชมการออกแบบ Pavilion กว่า 40 ประเทศที่เข้าร่วม World Expo 2020 ที่นครดูไบ
งานนิทรรศการระดับโลก ที่มีทั้งความโดดเด่นและไอเดียสร้างสรรค์ทางด้านสถาปัตยกรรม https://www.buildernews.in.th/news-cate/31324
Part II: ชมการออกแบบ Pavilion กว่า 40 ประเทศที่เข้าร่วม World Expo 2020 ที่นครดูไบ งานนิทรรศการระดับโลก ที่มีทั้งความโดดเด่นและไอเดียสร้างสรรค์ทางด้านสถาปัตยกรรม
https://www.buildernews.in.th/news-cate/31391
“The Portals” สถาปัตยกรรมของประตูทางเข้าในงาน World Expo 2020 ที่นครดูไบ https://www.buildernews.in.th/news-cate/32792
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://journal.ghbank.co.th/uploads/journal/pagelist/pagelist_63_th/6.pdf
http://www.pentorexchange.com/news_view.php?id=1228
https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=709
https://thestandard.co/dubai-frame-exhibition/
http://blog.raynatours.com/mumbai-to-dubai-underwater-train/
https://www.killadesign.com/portfolio/museum-of-the-future/
https://emirateswoman.com/everything-need-know-dubai-eye-ferris-wheel/
https://www.dm.gov.ae/projects/mohammed-bin-rashid-library/
https://dubai-experience.com/dynamic-tower-project/
https://thetowerinfo.com/buildings-list/dubai-creek-tower/
https://www.expo2020dubai.com/en/discover/pavilions/uae
https://architizer.com/blog/inspiration/industry/santiago-calatrava-falcon-pavilion/