ตลาดที่อยู่อาศัยครึ่งแรกปี 2559 ทรุดกว่าปี 2558 ถึง 20-30% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น การลงทุนถือครองอสังหาริมทรัพย์ไว้ จึงเป็นความเสี่ยงประการหนึ่ง ผู้ประกอบการ สถาบันการเงิน นักลงทุน และผู้ซื้อบ้านพึงสังวร
ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2559 (มกราคม-มิถุนายน 2559) เปรียบเทียบกับ 6 เดือนแรกปี 2558 มีจำนวนโครงการเปิดใหม่รวม 164 โครงการ (ลดลง -29%) มีจำนวนหน่วยขายรวม 37,698 หน่วย (ลดลงประมาณ -37%) และมีมูลค่ารวม 135,427 ล้านบาท (-43%) แต่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 3.460 ล้านบาทเป็น 3.592 ล้านบาท (13%)
จากข้อมูลดังกล่าว ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ให้ความเห็นว่า “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 ซบเซาลงอย่างมาก โดยทรุดลงถึงประมาณ 1/3 ของจำนวนหน่วยทั้งหมดเมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2558 ขณะที่ปี 2558 ก็ต่ำกว่าปี 2557 เป็นอย่างมาก จึงถือได้ว่า ขณะนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังตกต่ำลง ผู้ที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์ไว้มาก ๆ โดยอาศัยเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน อาจจำเป็นต้องขายทรัพย์สินออกไป เพราะหากถูกดอกเบี้ย “ไล่ทัน” ก็จะทำให้สูญเสียทรัพย์สินไปได้ จึงเป็นภาวะตึงเครียดของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเวลานี้
“หากสมมติในกรณีที่ดีที่สุดเท่าที่จะพอเป็นไปได้คือ ในครึ่งหลังของปี 2559 มีการเปิดตัวโครงการมากขึ้นถึง 30% ของครึ่งแรกของปี ก็ยังพบว่าในปี 2559 นี้ โครงการเปิดตัวใหม่ จะมีสัดส่วนลดลง 20% ในแง่จำนวนหน่วยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมูลค่าลดลง 25% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพราะราคาขายก็ลดลงกว่าแต่ก่อน การขายสินค้าราคาแพงเป็นจำนวนมาก ๆ เช่นปีก่อนก็จะลดลงไปด้วย ดังนั้น ผู้ประกอบการ สถาบันการเงินและนักลงทุนตลอดจนผู้ซื้อบ้าน จึงต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการลงทุนโครงการต่าง ๆ”
ดร.โสภณ กล่าวเสริมด้วยว่า “แม้ว่าจะมีการก่อสร้างบ้านใหม่ ๆ เสร็จเป็นจำนวนมากในปีนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภาวะตลาดดี ในทางกลับกันแสดงให้เห็นว่า สินค้าเหล่านี้ที่ขายดีเมื่อ 1-3 ปีก่อน ทยอยสร้างเสร็จเป็นสำคัญ ส่วนการให้สัมภาษณ์ของบริษัทมหาชนรายใหญ่ ๆ ว่าจะมีการเปิดตัวโครงการจำนวนมหาศาลในปีนี้ ก็อาจเป็นเพียงการคาดการณ์ ซึ่งยังคงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป เพราะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดีนัก กำลังซื้อก็จำกัด โอกาสการเปิดโครงการใหม่ ๆ จึงมีจำกัดนั่นเอง”