จากกรณีที่มีการแชร์คลิปการเกิดอุบัติเหตุรถเสียหลักในบริเวณโค้ง ช่วงที่มีการทำช่องจราจรสีแดงบนถนนนั้น เหตุการณ์ในคลิปดังกล่าวเกิดขึ้นบนทางหลวงหมายเลข 4311 บริเวณกม.9+900 – 10+200 เป็นทางหลวงขนาด 4 ช่องจราจร เชื่อมระหว่าง อ.เมือง ไปยัง อ.ทับปุด จ.พังงา เป็นคลิปเก่าที่เกิดเมื่อปี 2561 ซึ่งในปัจจุบันกรมทางหลวงได้ทำการปรับปรุงผิวจราจรบริเวณดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2562 เกิดความปลอดภัยกับผู้สัญจรไปมา

​จากการเหตุการณ์ตามคลิปดังกล่าว เห็นได้ว่ารถที่ประสบอุบัติเหตุเป็นการลื่นไถลออกนอกผิวจราจรบริเวณทางโค้ง ซึ่งองค์ประกอบและปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุอุบัติเหตุ ประกอบไปด้วยสาเหตุมาจาก คน รถ และถนน ยกตัวอย่างเช่น ความเร็วขับขี่ สภาพพื้นถนน สภาวะอากาศ และสภาพความพร้อมของรถ เช่น เครื่องยนต์ เบรก ล้อ ดอกยาง ซึ่งจากการวิเคราะห์ปัจจัยทั้งหมด พบว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการใช้ความเร็ว กับสภาวะอากาศที่ไม่เหมาะสม คือ ฝนตกในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ส่งผลให้ความเสียดทานของถนนลดลง ดังนั้นเมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วสูงในการเข้าโค้งจึงทำให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวได้​ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพความเสียดทานของผิวทางบนทางหลวงบริเวณดังกล่าว ด้วยการปรับปรุงผิวจราจร ซึ่งจะทำให้ผิวทางมีความคงทนสูง เพิ่มความเสียดทาน และระบายน้ำออกจากผิวทางได้ดี รวมทั้งได้ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเตือนผู้ขับขี่ เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว ป้ายเตือนแนวโค้ง ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวแล้วเสร็จ พบว่าอุบัติเหตุลดลง 75% เป็นการลดลงอย่างมีนัยยสำคัญ

​สำหรับเครื่องหมายสีแดงที่ปรากฏบนพื้นถนน เรียกว่า Red Antiskid ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้สำหรับเพิ่มความเสียดทานบนพื้นถนน และเป็นการเตือนให้แก่ผู้ขับขี่ระมัดระวัง ปัจจุบันกรมทางหลวงมีการใช้เฉพาะบริเวณที่ต้องการกระตุ้นให้ผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น บริเวณหน้าโรงเรียน

ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในส่วนของสภาพถนน สามารถจำแนกออกเป็น 2 ลักษณะหลัก ๆ ได้แก่ 1.) ปัญหาจากสภาพแวดล้อม ซึ่งเกิดจากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกจากการใช้งานถนนโดยทั่วไป เมื่อฝนตกแรก ๆ ทำให้สิ่งสกปรกเหล่านี้ผสมกับน้ำฝนและเคลือบผิวจราจร ทำให้ลื่นกว่าปกติ และเมื่อฝนตกต่อเนื่องจะก่อให้เกิดฟิล์มน้ำที่กำลังรอการระบายอยู่บนผิวจราจร เกิดความเสี่ยงในลักษณะการเหินน้ำ (Hydroplaning) ซึ่งทำให้ยานพาหนะเสียการควบคุมได้ และ 2.) ปัญหาการเสื่อมสภาพจากการใช้งานของถนน เมื่อเปิดใช้งานไปนาน ๆ ความเสียดทานบนผิวทางจะมีค่าลดลงเรื่อย ๆ จนอาจจะก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ได้

​จากปัจจัยปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น กรมทางหลวงได้มีการบำรุงรักษาทางหลวงให้มีความพร้อมใช้งานและมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ทางอยู่เสมอ โดยแขวงทางหลวงในพื้นที่ได้มีการทำความสะอาดผิวทาง รวมถึงเฝ้าระวังไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังผิวจราจร ระบายน้ำออกจากผิวทางได้เร็วอยู่เสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงการลื่นไถลของยานพาหนะ นอกจากนั้นกรมทางหลวงยังมีการซ่อมบำรุง ปรับปรุง และรักษาสภาพความเสียดทานของผิวทาง ด้วย 2 มาตรการหลัก ได้แก่ การปรับสภาพผิวทาง (Retexturing) เช่น ใช้แรงดันน้ำ (High Pressure water Retexturing), Bush Hammer รวมถึง Micro milling และการเปลี่ยนผิวทาง (Resurfacing) เช่น การฉาบผิวทางแบบต่าง ๆ อาทิ Chip seal , Slurry seal

อย่างไรก็ตามกรมทางหลวงต้องขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหากประชาชนพบเห็นสิ่งใด ๆ ที่อาจเกิดอันตรายกับผู้ใช้ทาง รวมทั้งหากมีข้อแนะนำใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ ร้องทุกข์ ร้องเรียนและขอความช่วยเหลือใด ๆ สามารถโทรสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรี 24 ชม.)

Previous articleช. การช่าง มั่นใจก่อสร้างครึ่งหลังปี 63 ฟื้นตัวดี
พร้อมลุยประมูลงานใหม่ อวดผลงานปี 62 รายได้ 2.4 หมื่นล้าน
Next articleบ้านเย็นอยู่สบาย ด้วยฉนวนกันความร้อนจาก AEROFLEX
ในงาน ACT FORUM ’20 DESIGN + BUILT
Ton Suwat
คอลัมนิสต์หนุ่ม ผู้หลงไหลในสถาปัตยกรรมไทยอีสาน และความง่ายงามตามวิถีชนบท