ในวันที่ “เมืองรุกป่า” มากขึ้น จากการขยายตัวของความเป็นเมือง หรือ กระแส Urbanization สวนทางกับไลฟ์สไตล์และวิถีชีวิตของคนเมืองที่เดินถอยหลังโหยหาธรรมชาติ จึงไม่น่าแปลกใจที่ความต้องการพื้นที่สีเขียวในเมืองกลายเป็นประเด็นที่คนเมืองเรียกร้องให้มีเพิ่มขึ้น ในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น นิวยอร์ค โตเกียว โซล หรือแม้แต่ในกรุงเทพมหานครบ้านเรา
การสร้างพื้นที่สีเขียวรอบตัวในเขตเมือง หรือในบริเวณที่พักอาศัยจึงกลายเป็นกระแสไลฟ์สไตล์วิถีใหม่ที่คนเมืองกำลังใหัความสนใจ แต่ด้วยพื้นที่อันจำกัด ทำให้คนเมืองทั้งหลายเลือกที่จะ ‘ปลูกต้นไม้’ และ ‘สร้างพื้นที่สีเขียว’ เล็ก ๆ ของตัวเองขึ้น ต้นไม้ในป่าคอนกรีตที่คนเมืองนิยมปลูกนั้นมีมากมายหลายประเภท ทั้งปลูกต้นไม้ใหญ่ที่ริมถนนหรือรั้วบ้าน ปลูกผักที่ระเบียงหรือสวนผักขนาดเล็กส่วนตัวในบ้าน ไปจนถึงการปลูกไม้เล็ก อย่างเช่น การปลูกต้นไม้จำพวกบอนไซในกระถาง นี่คือความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุดในการปลูกต้นไม้อันเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์สุคคูลของคนยุคปัจจุบัน บางคนปลูกเพื่อความสวยงาม บ้างก็เป็นงานอดิเรก ในขณะที่หลาย ๆ คนก็ขยายความสนใจในส่วนนี้ จนมีอาชีพเสริมจากการการปลูกต้นไม้ขาย สร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้อีกทางหนึ่ง
แต่สำหรับการ ‘ปลูกต้นไม้สไตล์คนเมือง’ นอกจากการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย เพื่อดูแลให้ต้นไม้เจริญเติบโตในวิถีการปลูกต้นไม้รูปแบบเดิม ๆ คงไม่เพียงพอ การปลูกต้นไม้ในเมืองต้องอาศัยตัวช่วยที่สำคัญอีกประการ คือ การควบคุมแสง ซึ่งเคล็ด (ไม่) ลับ สำหรับการควบคุมแสงสำหรับการปลูกต้นไม้ในป่าคอนกรีตง่ายเสียจนเราคาดไม่ถึง และอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟ LED สามารถใช้เร่งการเติบโตของต้นกล้าให้เติบใหญ่เป็นต้นไม้ที่แข็งแรงได้รวดเร็วขึ้น
ในปัจจุบันมีประยุกต์และใช้ “แสงสว่าง” จากหลอดไฟ LED หรือที่เรียกว่า LED Grow Light มาเป็นตัวช่วยในการปลูกต้นไม้กันอย่างกว้างขวาง และเริ่มเป็นที่แพร่หลาย โดยการใช้แสงไฟ LED มาช่วยในการปลูกต้นไม้ แรกเริ่มเดิมทีมาจากประเทศทางแถบยุโรปที่สภาพภูมิอากาศค่อนข้างมืดครึ้มในบางฤดูกาล ทำให้ไม่เหมาะกับการปลูกต้นไม้ที่ต้องการแสงแดดอย่างเพียงพอเพื่อช่วยในการสังเคราะห์แสง อันเป็นกระบวนการที่ทำให้ต้นไม้เติบโต การปลูกต้นไม้ของผู้คนในประเทศทางยุโรปจึงมีการใช้หลอด LED ที่มีความถี่และความเข้มแสงที่เหมาะสมมาช่วยในการปลูกต้นไม้ ผิดกับประเทศในเขตร้อนอย่างประเทศไทยที่มีแสงแดดอย่างสม่ำเสมอจึงไม่ค่อยจะมีปัญหาในการปลูกต้นไม้มากนัก แต่ด้วยพื้นที่จำกัดในเมืองทำให้การปลูกต้นไม้ในหลายลักษณะต้องปลูกในสถานที่ปิด อย่างอาคารบ้านเรือน ทำให้ต้นไม้อาจจะได้รับแสงสว่างในการเติบโตไม่เพียงพอ อีกทั้งการเพิ่มช่วงเวลาที่ต้นไม้ได้รับแสงสว่างเพื่อสังเคราะห์แสงเป็นเวลานานยิ่งขึ้นซึ่งเป็นผลดีสำหรับการปลูกต้นไม้เชิงพาณิชย์ด้วยเช่นกัน
พาขวัญ เจียมจิโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดิ เอ็กซ์ซิบิส จำกัด ผู้จัดงาน “Thailand Lighting Fair 2016-Smart Lights. Smart Life. นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ นวัตกรรมเพื่อชีวิต” กล่าวถึงเทรนด์การใช้แสงไฟ LED ในการปลูกต้นไม้สำหรับพื้นที่เมืองว่า “การนำแสงไฟ LED นิยมใช้กับการปลูกต้นไม้ในพื้นที่จำกัด อยู่ในอาคารบ้านเรือน หรือคอนโดมิเนียม ต้นไม้ดังกล่าวจะไม่ได้รับแสงสว่างอย่างเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต ปัจจุบัน จึงมีการนำ LED Grow Light มาใช้ปลูกต้นไม้อย่างแพร่หลาย อย่างเช่น การปลูกกระบองเพชร บอนไซ สวนขวดแก้ว ไม้น้ำในตู้ปลา รวมไปถึงพืชผักสวนครัว ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่า การใช้ไฟฟ้าแสงสว่าง มีส่วนช่วยให้ต้นไม้เหล่านี้เจริญเติบโต และงอกงามในระยะเวลาที่รวดเร็ว”
คำถามสำคัญก็คือ แล้วแสงสว่างจากหลอดไฟ LED ในแบบใดจึงจะเหมาะสมสำหรับการปลูกต้นไม้? การเลือกหลอดไฟ LED Green Light สำหรับปลูกต้นไม้ต้องพิจารณาในส่วนของความยาวของคลื่นแสง และปริมาณความเข้มของแสง ในส่วนของความยาวของคลื่นแสงที่เหมาะสมสำหรับการปลูกไม้นั้น จะอยู่ที่ 430-460 นาโนเมตรและ 630-660 นาโนเมตรซึ่งจะให้แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดงตามลำดับ โดยแสงทั้งสองความยาวคลื่นนี้เป็นช่วงความยาวคลื่นที่คลอโรฟีลล์ชนิด เอ และบี ดูดซึมได้มากที่สุดเพื่อนำมาช่วยในการสังเคราะห์แสง ผลที่ตามมาก็คือแสงสีน้ำเงินจะไปเร่งการเจริญเติบโตของลำต้น ช่วยให้ลำต้นแข็งแรง ช่วยให้ใบไม้แข็งแรง มีสีเขียวสด ส่วนแสงสีแดง ช่วยเร่งและบำรุงดอกและผลให้สมบูรณ์ เร่งการเจริญเติบโตของรากและลำต้น
อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการพิจารณา นั่นคือความเข้มของแสงไฟ หากประสิทธิภาพของแสงไฟไม่เพียงพอ จะไม่มีผลใด ๆ ต่อการเร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้เลย แต่หากแสงไฟแรงไป นอกจากจะกินไฟทำให้สิ้นเปลืองเกินความจำเป็นแล้ว แสงไฟที่เข้มมากยังทำให้เกิดความร้อนสูง อาจจะไม่เหมาะกับพื้นที่ปิดและไม่สามารถระบายความร้อนได้ ซึ่งโดยทั่วไป ความเข้มแสงที่เหมาะสมของการใช้ LED Grow Light จะอยู่ที่ค่าหลอดไฟฟ้าขนาด 3 วัตต์
นวัตกรรม “ไฟฟ้าแสงสว่าง” ดังกล่าวนี้ ปัจจุบันมีจำหน่ายอย่างแพร่หลายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ แต่หากใครอยากชมนวัตกรรม “ไฟฟ้าแสงสว่าง” และการสาธิตผลิตภัณฑ์ให้เห็นกับตาเพื่อความมั่นใจ ก็สามารถเข้าชมในงาน “Thailand Lighting Fair 2016 Smart Lights. Smart Life. นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ นวัตกรรมเพื่อชีวิต” ระหว่างวันที่ 1–3 กันยายน 2559 ณ ฮอลล์ 101 –102 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
นอกจากเราจะได้เห็นนวัตกรรมการใช้ LED Grow Light หรือไฟฟ้าแสงสว่างที่ใช้ในการปลูกต้นไม้แล้ว ยังมีนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างแบบอื่นมาจัดแสดงอีกมากมาย เช่น นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างเพื่อการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัย และนวัตกรรมเทคโนโลยีและโซลูชั่นด้านไฟฟ้าแสงสว่างเพื่อภาคอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ อย่างเช่น ระบบควบคุมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม