หน้าที่หลักของไฟในสถาปัตยกรรมคือการทำให้เรามองเห็น โคมไฟที่ต่างชนิดกันก็มีหน้าที่การใช้งาน แต่นอกจากนั้น โคมไฟที่ต่างชนิดกันก็มาพร้อมกับสไตล์ความงามที่แตกต่างกันอีกด้วย เช่น โคมไฟห้อยที่มีตั้งแต่รูปทรงเรขาคณิตเรียบง่ายแบบโมเดิร์นไปจนถึงแชนเดอร์เลียร์คริสทัลหรูหราอลังการ สำหรับสถาปนิกหรือนักออกแบบตกแต่งภายในแล้ว การเลือกและออกแบบไฟจึงเหมือนเป็นเหมือนการเลือกสไตล์ไปด้วย โดยเฉพาะสำหรับผลงานเหล่านี้ กับ 3 เทคนิคการใช้ไฟ ที่สร้างสรรค์จนสร้างเอกลักษณ์ให้สถานที่นั้นอย่างงดงาม มอบบรรยากาศที่แตกต่างกันตามแต่ละวัตถุประสงค์การใช้งาน

 “งานประติมากรรมไฟ”

ภาพโดย Qiyong Zhang

ภาพโดย Assen Emilov

ภาพโดย do mal o menos

เทรนด์ยอดนิยมสำหรับงานออกแบบตกแต่งภายในร่วมสมัย (contemporary interior design) เส้นสายและรูปทรงของประติมากรรมไฟ (sculptural statement pieces) เหล่านี้สามารถดึงดูดสายตา ดูสง่างาม น่าทึ่ง สร้างคาแรกเตอร์และสไตล์ที่ชัดเจน ทำให้เหมาะสำหรับการติดตั้งตกแต่งพื้นที่มีขนาดใหญ่ ให้ไฟที่สวยงามนี้สามารถอวดความงามพร้อมกับส่องพื้นที่ให้สว่างสำหรับการใช้งานได้ด้วย เช่นในพื้นที่ทำงาน ล็อบบี้ ร้านอาหาร หรือสถานที่พักผ่อน

ภาพโดย Thomas Meyer

เติมสีด้วยแสง

ภาพโดย Metipat Prommomate

คงไม่ต้องบรรยายมากเพราะเพียงแค่มองร้านอาหาร คาเฟ่ ผับ บาร์ หรือ แม้แต่นิทรรศการงานสร้างสรรค์ต่าง ๆ มากมายในปัจจุบัน ก็คงไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่าไฟนีออนหลากสีกำลังได้รับความนิยมขนาดไหน ไม่ว่าจะในรูปแบบของ สัญลักษณ์ เส้นสาย หรือรูปทรงต่าง ๆ งานนีออนสีพาคุณย้อนยุคไปหาสไตล์ที่เรโทรแต่ก็โมเดิร์น หรือหากไม่ชอบไฟนีออน ก็ยังมีทางเลือกอย่างไฟ LED ที่สวยงามคล้ายคลึงกันมาก แต่ส่องไฟไปยังจุดเฉพาะที่แคบกว่า

ภาพโดย Pierre L’Excellent

ภาพโดย Joe Fletcher

โคมไฟห้อย

ภาพโดย Simon Kennedy

หนึ่งในโคมไฟยอดฮิต- โคมไฟห้อยที่คุณสามารถควบคุมทิศทางไฟได้ตามใจ โคมไฟห้อยไม่เพียงแต่เป็นแหล่งแสงสว่างที่จัดการห้องของคุณได้เป็นอย่างดีเท่านั้น แต่ยังมากับตัวเลือกด้านสไตล์ ขนาด สาย และรูปทรงที่หลากหลาย สามารถเป็นได้ตั้งแต่แหล่งกำเนิดไฟตามฟังก์ชันพื้นฐานไปจนถึงองค์ประกอบสำคัญที่สร้างสไตล์อินดัสเตรียลหรือมินิมัลให้งานของคุณ

ภาพโดย Paul Tierney
ภาพโดย Wison Tungthunya

Sources

Previous article3 เคล็ดลับปรับบ้านอยู่สบาย
Next articleเคล็ด(ไม่)ลับสำหรับคนชอบลายเนื้อไม้: “โพลียูรีเทนและแลคเกอร์” ทำไมต้องสูตรน้ำ?