เรายืนยันว่าเรื่องห้องน้ำไม่เคยเป็นเรื่องเล่น ๆ และวงการการออกแบบสุขภัณฑ์ก็ไม่ใช่สายชิลที่คิดจะทำแค่อ่างหรือก๊อกน้ำที่เน้นความสวยงามไปวัน ๆ ออกลูกเล่นใช้กลยุทธ์นำนักออกแบบชื่อดังเข้ามาล่อให้คนสนใจเพียงอย่างเดียว เพราะแบรนด์เบอร์ใหญ่ ๆ มักหาโจทย์ใหม่ขึ้นมาท้าทายอยู่เสมอ

เช่นเดียวกันกับ Duravit หนึ่งในแบรนด์ด้านสุขภัณฑ์ระดับตำนานจากฟากเยอรมนีที่ล่าสุดได้ลุกขึ้นมาออกแบบ “Smart Bathroom”  คอลเลคชันห้องน้ำที่ใช้จุดขายเรียกแขกด้วยเรื่องสุขอนามัย นำเข้ามารวมกับความทันสมัย เพราะห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่เกิดจากการทำกิจกรรมของเรา ส่วนการใช้งานนับวันก็ต้องยิ่งสะดวกเหมาะสมมากขึ้น เนื่องจากวันนี้เราต้องการให้ทุกพื้นที่บ้านตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์ให้มากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่ห้องที่เราไม่ได้เข้าไปนั่งไปนอนอย่างห้องน้ำ

ใครที่สนใจด้านวัสดุ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอนามัยและความไฮเทคจะเข้าไปเอี่ยวกับเรื่องสุขภัณฑ์ได้ทางไหนบ้าง วันนี้ BuilderNews นำมาฝากให้อ่านกับแบบเน้น ๆ ด้านล่างแล้ว

Duravit กับภารกิจห้องน้ำที่ยาวนานกว่า 2 ศตวรรษ

Duravit คือบริษัทของผู้ผลิตวัสดุด้านสุขภัณฑ์ที่มีอายุยาวนานและใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งในปี 1817 ประเทศเยอรมนี มีวัตถุประสงค์การสร้างห้องน้ำแบบองค์รวมที่ครอบคลุมเหมาะสมกับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม นำเสนอผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับห้องน้ำแบ่งออกเป็น 4 ส่วนเพื่อใช้งานด้านต่าง ๆ ได้แก่ ส่วนการล้าง (Washing) ส่วนการอาบน้ำแบบแช่อ่าง (Bathing) ส่วนการอาบน้ำแบบฝักบัว (Showering) และส่วนสุขาสำหรับถ่ายหนักและเบา (Toileting) โดยจัดหาสถาปนิกและนักออกแบบตกแต่งภายในและลงรายละเอียดอย่างเป็นขั้นเป็นตอนในการวางแผนเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง

ด้วยเหตุผลด้านความใส่ใจที่เจาะลึกเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าสุขภัณฑ์ทุกชิ้นที่ใช้งานนั้นสามารถใช้งานได้ทุกวันแบบเต็มประสิทธิภาพเสมอ แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องสุขอนามัยที่ดี  กว่าจะเป็นคอลเลคชันนี้ทีมงาน Duravit จึงต้องนำความรู้ด้านวัสดุศาสตร์มาวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นว่ามีส่วนช่วยอย่างไรกับสุขภาพของผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ จากนั้นนำความรู้นี้ถ่ายทอดให้กับสถาปนิกและนักออกแบบอีกครั้งอย่างละเอียด โชว์ให้เห็นด้านอื่นที่ซ่อนเร้น เช่น ระบบการใช้น้ำอย่างยั่งยืนสามารถช่วยสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ เป็นต้น

ห้องน้ำต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพ

เคลมเรื่องสุขภาพก็จริง แต่อะไรบ้างที่อยู่ในห้องน้ำของ Duravit เรานำตัวอย่างที่น่าสนใจพร้อมรายละเอียดเน้น ๆ ทั้งมุมมองที่น่าทึ่งจากผู้ใช้และนวัตกรรมวัสดุที่เข้ามามีบทบาทคลี่คลายปัญหาทั้ง 5 เรื่อง ดังต่อไปนี้

HygieneGlaze 2.0 ฆ่าแบคทีเรียภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการใช้งาน

คนอยู่ไม่อยากทำความสะอาดเอง : อันนี้เป็นเรื่องที่เป็นปัญหามาหลายปีดีดัก เพราะห้องน้ำเป็นหนึ่งในห้องภายในบ้านที่เราใช้ประจำ แต่คราบต่าง ๆ จากการใช้งานที่ติดอยู่บางทีก็ทำให้เราไม่อยากลุกมาล้างเอง Duravit เขาเห็นปัญหานี้จึงวิจัยและออกแบบผลิตภัณฑ์รักษาผิวเคลือบด้วยนาโนเทคโนโลยีบนทุกผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำผ่านการซีลยึดแน่นกับเซรามิกในระดับโมเลกุล ทำให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ความเรียบเนียนของพื้นผิวที่เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 เท่าจึงเป็นเคล็ดลับที่ทำให้ฝุ่นและคราบปูนไม่จับกับพื้นผิวและสามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยการฉีดน้ำล้าง

แบคทีเรียตามโถต้องถูกขจัด : สุขภัณฑ์รับบทหนักอย่างโถที่รับสิ่งปฏิกูลโดนตรงก็ได้รับการเคลือบสาร anti-bacteria บนเซรามิกเช่นกันเพื่อกำจัดเชื้อ  E. coli โดนหลังผ่านการใช้งานราว 6 ชั่วโมง 90% ของแบคทีเรียจะถูกกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพและเมื่อเวลาผ่านไปราว 12 ชั่วโมง แบคทีเรียจะถูกกำจัดสูงถึง 99.9% ยิ่งถ้าครบเต็มเวลา 24 ชั่วโมง โถเหล่านี้จะสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนไม่เคยมีแบคทีเรียให้เห็นมาก่อนเลย

ระบบชำระล้างอัตโนมัติ ไร้สายฉีดรักษ์โลก : อัจฉริยะไปถึงระบบล้าง เรื่องนี้เขาคำนวณมาเป็นอย่างดีแล้วว่า ถ้าใช้ระบบอัตโนมัติที่ออกแบบมา องศาต่าง ๆ ที่คิดคำนวณมาแล้วเป็นอย่างดีจาก senso wash จะสร้างระบบการชำระที่สมบูรณ์แบบ ใช้น้ำน้อย สัมผัสนุ่มนวลก็เห็นผลไม่ต้องออกแรงกดปุ่มให้นาน การใช้งานแบบนี้แม้หลายคนอาจจะมองว่าทันสมัยเกินฟังก์ชันที่ควรใช้ของบ้านเราไปหน่อย แต่พอมองจากเหตุผลที่ไม่เพียงลดเรื่องการใช้น้ำเท่านั้น แต่สามารถลดการใช้กระดาษชำระที่ปกติเราใช้อยู่ราว 8.4 ปอนด์ต่อคนต่อปี เมื่อนำมาคำนวณแล้วเทียบเท่ากับการตัดต้นไม้ถึง 270,000 ต้นต่อปี การใช้ระบบนี้ถือว่าตอบโจทย์กว่ากันเยอะมาก

พื้นห้องน้ำ ทุกอณูผ่านการเคลือบ : เมื่อสะอาดกันเป็นคอลเลกชันกันทุกจุด พื้นที่ใหญ่อย่างพื้นที่เราย่ำเหยียบ โดยเฉพาะบริเวณที่อาบน้ำแบบฝักบัว ทุกอณูได้รับการเคลือบเพื่อ anti-bacteria ทั้งสิ้น แต่เพิ่มความละเอียดอ่อนด้านฟังก์ชันที่มักมีน้ำขังในพื้นที่เหล่านี้ เขาจึงเพิ่มเคลือบพื้นกันลื่นไว้ด้วยทำให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุภายนอกที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็นไปพร้อมกัน

แสงนุ่มนวลที่สร้างความเสถียรทางอารมณ์ : บรรยากาศของห้องน้ำคือเรื่องที่หลายแบรนด์ให้ความสนใจ เพราะการอยู่ในห้องงน้ำมักเน้นเรื่องสัมผัสทางอารมณ์เพิ่มความน่าอยู่ เขาจึงใช้ลูกเล่นอย่างการจัดแสงเข้ามา โดยนำแสงมาผสานเข้ากับกระจก กลายเป็นกระจกเงา LED ที่เน้นให้ความสว่างที่ประหยัดพลังงานแต่คงความนุ่มนวล ตอบโจทย์แก้ปัญหาจากห้องน้ำบางแห่งที่เราเข้า เรามักจะเห็นการจัดแสงไฟที่สว่างจ้า แรงและแสบตา ห้องน้ำพวกนั้นไม่ได้ดึงดูดให้เราอยู่นานขึ้นแต่ถ้าไฟสว่างพอในระดับละมุนก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เชื้อเชิญให้เราใช้เวลาอยู่ในนี้นาน ๆ

นี่คือตัวอย่างบางส่วนที่เราได้ข้อมูลมาและเชื่อว่าจากข้อมูลเหล่านี้หลายคนคงรู้สึกทึ่งกับวัสดุศาสตร์ว่ามันสร้างคุณภาพการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นให้เรามากขนาดไหน นักออกแบบอย่างเรา ๆ ถ้าสามารถนำความรู้ด้านนวัตกรรมวัสดุมาจับคู่เข้ากับการออกแบบจะยิ่งสร้างมูลค่างานเดิมให้มากขึ้นทั้งกับลูกค้า ชุมชนและโลกใบนี้

หากการเสพดีไซน์คืออาหารตา อาหารใจ ฟังก์ชันด้านวัสดุก็เป็นโภชนาการภายในที่เราทุกคนต้องบริโภค อย่ามองข้ามเรื่องวัสดุสนุก ๆ ที่มีประโยชน์ แล้ว BuilderNews จะนำเรื่องราวใหม่ ๆ ที่รู้กลับมาเล่าและแชร์ให้คุณได้ฟังกัน

 

ภาพประกอบทุกภาพนำมาจาก : Duravit

อ้างอิงข้อมูล : 

https://architizer.com/blog/practice/materials/duravits-smart-bathroom/

https://www.youtube.com/watch?time_continue=31&v=NZ7ODr777mk

https://www.facebook.com/duravit/

Previous articleต้นแบบรถสาธารณะ นวัตกรรมเพื่อเมืองอัจฉริยะจากเกาหลี
Next articleChiharu Shiota โชว์ศิลปะจัดวาง “Beyond Memory” ที่เบอร์ลิน