ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศโลก ทำให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ มากมายจนได้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวของมนุษย์และนับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งได้สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและที่อยู่อาศัย จนกลายเป็นปัญหาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร

วันนี้ BuilderNews มีเทคนิคการวางแผนก่อนออกแบบบ้าน เพื่อรับมือและป้องกันให้บ้านรับความเสียหายจากภัยพิบัติจากธรรมชาติให้น้อยที่สุด

พื้นดินที่ตั้ง

ควรหลีกเลี่ยงการสร้างบ้านบริเวณพื้นที่หินกรวด ทราย และดินเหลว ควรเลือกพื้นที่ชั้นหินแข็งแรงหรือชั้นดินที่มีความหนาแน่น โดยลองสำรวจด้วยตาเปล่าก่อนในขั้นแรกหรือเพื่อให้แน่ใจควรให้วิศวกรเจาะสำรวจอีกครั้ง

Credit photo by Pinterest

นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสร้างบ้านบนหรือใต้เนินหินที่มีโอกาสถล่มลงมาได้ รวมถึงต้นไม้ใหญ่ที่สามารถล้มลงมาทับบ้านเมื่อเกิดลมพายุและควรเว้นระยะบ้านให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่

ส่วนยอดและส่วนต่ำสุดนั้นอันตราย

ตามหลักการวิทยาศาสตร์ ลมพายุจะมีกำลังแรงที่สุด เมื่อพัดผ่านบริเวณยอดเขา ยอดเนินหรือที่ราบซึ่งเป็นหุบเขาต่ำลงไป จึงไม่ควรออกแบบบ้านให้อยู่ในบริเวณพื้นที่แบบนี้

Credit photo by Pinterest

หลังคาเบา

บ้านที่มีการออกแบบหลังคาหรือส่วนบนของบ้านให้มีโครงที่หนักเกินไป ไม่ว่าจะด้วยวัสดุที่ใช้ทำหรือการมีสิ่งของอยู่มากบริเวณหลังคา เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวหลังคามีโครงจะเกิดการถล่มลงมามากกว่าอาคารที่มีหลังคาน้ำหนักเบา ดังนั้นควรเลือกใช้วัสดุที่มีความยืดหยุ่น เช่นไม้หรือเหล็กที่สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงมากขึ้นด้วย

Credit photo by Pinterest

หลายวัสดุหลายรอยต่อ

การออกแบบผนังของบ้านหรืออาคาร ไม่ควรประกอบด้วยวัสดุที่หลากหลายมากเกินไป เพราะจะทำให้มีรอยต่อมากมาย จนกลายเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุดของบ้านและมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียหายได้ก่อนส่วนอื่น ๆ ควรเลือกใช้วัสดุทำผนังเพียงชนิดเดียวและต้องมีความยืดหยุ่นสูง

Credit photo by Pinterest

สำรวจระดับน้ำที่เคยท่วมถึง

ควรออกแบบหรือสร้างบ้าน ให้สูงขึ้นจากระดับน้ำเดิมที่เคยท่วมถึง โดยยกตัวบ้านตั้งอยู่บนเสาเข็มหรือกำแพงกันดินที่มีความแข็งแรง อาจเสริมโครงสร้างทแยงเพื่อรัดโครงสร้างของบ้านให้แข็งแรงขึ้น

Credit photo by Pinterest

รูปทรงอาคารที่ปลอดภัย

รูปทรงอาคารที่ปลอดภัยที่สุด เมื่อเกิดลมพายุคือรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็กและอาคารที่มีขนาดใหญ่หรือทอดตัวยาวเป็นรูปตัวแอล โดยไม่แยกอาคารออกจากกันก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายมากกว่า

Credit photo by Pinterest

ทรงหลังคา

ควรออกแบบหลังคาทรงปั้นหยาหรือทรงหลังคาที่มีความลาดเอียงทั้งสี่ด้าน เป็นทรงหลังคาที่มีความปลอดภัยจากลมพายุมากกว่าทรงจั่ว ทรงหมาแหงน และหลังคาแบนราบระหว่างช่องเปิดเหนือผนังและไม่ควรออกแบบช่องลมที่ลมสามารถพัดผ่านได้ที่บริเวณระหว่างเหนือผนังกับใต้หลังคา เนื่องจากลมจะสามารถพัดผ่านและพัดเอาหลังคาหลุดลอยไปได้ แต่ทว่าหากต้องการช่องเปิดลม ควรพิจารณาตำแหน่งที่ต่ำลงมาประมาณ 1 เมตร

Credit photo by Pinterest

หลีกเลี่ยงกระจก

ควรออกแบบบ้านโดยหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุกระจกมาทำเป็นประตูและหน้าต่าง ควรเลือกใช้ไม้ อะลูมิเนียม เหล็ก หรือพลาสติกแทน แต่ทว่าหากต้องการใช้กระจก ควรเป็นกระจกนิรภัยเพราะเมื่อแตกแล้วจะแตกละเอียดเป็นเม็ดเล็ก ๆ หรือเลือกกระจกลามิเนตที่มีฟิล์มสอดอยู่ตรงกลาง เวลาแตกก็จะไม่หล่นลงมา เพราะมีฟิล์มป้องกันอยู่

Credit photo by Pinterest

แยกกันสาดออกจากหลังคา

ควรออกแบบบ้านโดยไม่ควรให้มีส่วนใดส่วนหนึ่งของกันสาดเชื่อมต่อกับหลังคา เพราะหากเกิดความเสียหายกับกันสาดก็จะไม่ส่งผลไปถึงหลังคา นอกจากนี้ไม่ควรออกแบบชายคาที่ยื่นยาวเกินไป เพราะจะเพิ่มพื้นที่ในการปะทะของลมและจะทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น

Credit photo by Pinterest

BuilderNews หวังว่า 9 วิธีการวางแผนการออกแบบให้สามารถรับมือภัยพิบัติ จะเป็นแนวทางในการออกแบบบ้านให้สามารถรับมือภัยพิบัติต่าง ๆ และสร้างความมั่นใจในการออกแบบให้กับที่อยู่อาศัยในอนาคตได้

Source

www.autodoorcenter.com/home-and-building-technology/การออกแบบบ้าน-2/

Previous articleน้ำท่วมเหอหนานยังหนัก ! ตายแล้ว 25 สูญหาย 7
Next articleคอตโต้เปิดตัวนวัตกรรมกระเบื้อง 2021 มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต รับกระแส
นิวนอร์มอล
จิตรกมล ขวัญแก้ว
สาวขี้อาย จบการศึกษาคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน ที่ชอบแสงแดดยามบ่าย ไอซ์ลาเต้ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนใจทางด้านสถาปัตยกรรม