สตีเบล เอลทรอน เผยยอดขายปีนี้ เติบโตกว่า 20% พร้อมขยายแผนให้ประเทศไทย
ก้าวสู่ศูนย์กลางการผลิตและส่งออกของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกภายในปี 2563

กรุงเทพฯ ประเทศไทย –  สตีเบล เอลทรอน ผู้ผลิตเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน, เครื่องกรองน้ำ, เครื่องเป่ามือ, ปั๊มความร้อน และปั๊มน้ำชั้นนำของประเทศไทย เผยเป็นปีที่ยอดเยี่ยมในการทำยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีอัตราการเติบโตมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์  พร้อมมุ่งหน้าส่งเสริมการดำเนินกิจการในประเทศไทย และตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกหลักแห่งสำคัญของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก

สตีเบล เอลทรอน เผยยอดขายในครึ่งปีแรกของประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2561 เติบโตเป็นที่น่าประทับใจ อันเป็นผลมาจากการเดินหน้าลงทุน โดยมุ่งเน้นในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และเพิ่มการทำกิจกรรมทางการตลาด รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการบริการลูกค้าด้วยการกระจายศูนย์บริการลูกค้าไปยังพื้นที่ใหม่อย่างภูเก็ต เพื่อให้การบริการใกล้ชิดลูกค้ามากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้ สตีเบล เอลทรอนยังขยายช่องทางจัดจำหน่ายไปยังช่องทางอีคอมเมิร์ซ, ร้านขายอุปกรณ์ช่าง และร้านเฉพาะทาง เช่นร้านปั๊ม, ร้านประปา โดยสตีเบล เอลทรอนคาดว่าจะส่งผลให้การเติบโตที่สูงขึ้นในอนาคต และบริษัทคาดว่าสิ้นปี พ.ศ.2561นี้จะมีเติบโตในภาพรวมกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

สตีเบล เอลทรอน ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2467 ที่ประเทศเยอรมนี ปัจจุบันมีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาถึง 2 โรงงานด้วยกัน โดยมุ่งเน้นการผลิตเพื่อตลาดในประเทศไทย และส่งออกไปยังตลาดสำคัญอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2561 ได้มีการลงทุนกับโรงงานที่ 2 ของสตีเบล เอลทรอน ประเทศไทย ด้วยเงินทุนกว่า 200 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางของการผลิตและการส่งออกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ได้ภายในปี พ.ศ.2563  จุดประสงค์หลักในการลงทุนซื้อโรงงานนี้ คือ เพื่อเพิ่มการผลิตกลุ่มสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ควบคู่กับเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าที่มีในปัจจุบัน และพัฒนาสินค้ายั่งยืน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปั๊มความร้อนและเครื่องทำน้ำร้อนแบบหม้อต้ม ซึ่งเป็นสินค้าทางเลือกใหม่ที่สตีเบล เอลทรอนต้องการนำเสนอ เพื่อช่วยให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเราสามารถเห็นได้ในอนาคตอันใกล้นี้

“เรายังคงสามารถรักษาการเติบโต และเราทำได้อย่างน่าประทับใจมากในปีนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ได้ภายในปี พ.ศ.2563 โดยเราได้ทุ่มงบประมาณการลงทุนอย่างเต็มที่เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาการผลิตสินค้ากลุ่มใหม่ๆเข้าสู่ตลาด และขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังรวมถึงการส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาด ไปพร้อมกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเรามั่นใจว่าจะส่งผลให้แบรนด์สตีเบล เอลทรอนเป็นที่รู้จักมากขึ้น และยอดขายของเราก็จะสูงเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน” มร.โรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด กล่าว

สตีเบล เอลทรอน ยังคงมาตรฐานในการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆออกสู่ตลาดในประเทศไทยและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปีนี้ได้ทำการเปิดตัว 4 ผลิตภัณฑ์ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้นำด้านการจัดการเรื่องน้ำอย่างครบวงจร ทั้งเครื่องทำน้ำอุ่น-ร้อน, ปั๊มน้ำ และเครื่องกรองน้ำ อันประกอบไปด้วย

เริ่มจาก สตีเบล บูส ปั๊มน้ำอัตโนมัติคุณภาพสูง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชูโรงเมื่อปีก่อน จะขยายการจำหน่ายไปสู่ช่องทางใหม่ในปีนี้ เช่น ร้านอุปกรณ์ประปา กลุ่มผู้รับเหมา และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ถัดมาเป็นเครื่องทำน้ำร้อน รุ่น DDH EC ที่มีการออกแบบให้กะทัดรัด สามารถติดตั้งใต้ซิงก์น้ำได้ เหมาะสำหรับผู้พักอาศัยในพื้นที่ขนาดเล็กหรือคอนโดมิเนียม เครื่องทำน้ำร้อน รุ่น DHC IL EC ซึ่งเป็นเครื่องทำน้ำร้อน ระบบดิจิตอลที่สมบูรณ์แบบรุ่นแรกของบริษัท และท้ายสุดคือ แม็กซ์สตรีม เครื่องกรองน้ำเชิงพาณิชย์ที่สามารถกรองน้ำสะอาดได้มากถึง 25,000 ลิตร

ด้วยนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง กับรางวัลต่างๆได้รับมา ผลักดันให้สตีเบล เอลทรอน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการอย่างต่อเนื่องของผู้บริโภคชาวไทย

เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่น สตีเบล เอลทรอนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้กับสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส โดยการร่วมมือดังกล่าว ทางสตีเบล เอลทรอนได้เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาร่วมแข่งขันในโครงการ “Stiebel Eltron Modern Water Solution Bathroom Design Contest  2018” ออกแบบห้องน้ำ ณ สนามกีฬาลีโอ สเตเดียม ภายใต้คอนเซ็ป Modern Water Solution สานต่อนโยบายที่ร่วมสนับสนุนโครงการส่งเสริมเยาวชนต่างๆ ที่มีมาอย่างยาวนานอีกด้วย

 

 

 

Previous articleแถลงข่าว 4 สภาวิชาชีพ เรื่อง“กรณีมาตรา 48 แห่งร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา ก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อประชาชน เศรษฐกิจและสังคม อย่างไร”
Next articleสภาวิศวกร ร่วมยกระดับมาตรฐานวิศวกรท้องถิ่น 7,000 คนทั่วประเทศ