ถ้าคุณคิดว่าสถาปนิกคือคนที่ออกแบบบ้านไว้ให้เราอยู่อาศัยอย่างเดียว ยุ่งแต่กับเรื่องโครงสร้าง กันแดด กันน้ำ กันฝนและคิดแค่ทางลมผ่านเท่านั้น อยากให้ลองคิดใหม่ เพราะเมื่อไม่นานมานี้เราเจอตัวอย่างการออกแบบที่ช่วยบรรเทาอาการ “โรคกลัวหมอฟัน” ได้โดยไม่ต้องจ่ายยา

โรคกลัวหมอฟัน หรือโรคที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Dental Phobia คืออาการที่เกิดประสบการณ์ความกลัวทางทันตกรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากประสบการณ์ฝังจำในแง่ลบเมื่อไปรับบริการ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดยาชา ความเจ็บปวดของกระบวนการรักษา ฯลฯ

ความกลัวที่เกิดขึ้นมีตั้งแต่ระดับเบสิค มีอาการแค่กังวลทั่วไปจนถึงอาการระดับแอดวานซ์อย่างการนอนไม่หลับ รู้สึกหายใจไม่ออก จนบางคนก็ใช้วิธีหลีกเลี่ยงการไปหาหมอฟัน ปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาสากล แต่เมื่อปรับรูปแบบการรักษาไม่ได้ จังหวะนี้สถาปนิกและนักออกแบบจึงเข้ามามีบทบาทช่วยแก้

ลองดูผลงานการออกแบบคลินิกทันตกรรมทั้ง 5 แห่งจากต่างสตูดิโอ ต่างสัญชาติ มั่นใจเลยว่าจะเปลี่ยนประสบการณ์ของการเข้ารับการรักษาแบบเดิม ๆ ให้กลายเป็นบรรยากาศผ่อนคลาย น่าเข้าใช้บริการ (เผลอ ๆ หลายคนอาจจะเช็กอินลง IG ระหว่างรอหมอเรียกเลยด้วย)

Dent Protetyka, Poland, Adam Wiercinski

Photography is by Przemyslaw Turlej and Adam Wiercinski.

Dent Protetyka คือคลินิกทันตกรรมที่มีพื้นที่ขนาด 10 ตารางเมตรที่ตั้งอยู่ในตึกเก่าของอาคารที่ตั้งอยู่ในพอซนาน หนึ่งในเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโปแลนด์ที่ได้รับการออกแบบและปรับปรุงให้น่าเข้าใช้ โดยได้แรงบันดาลใจการออกแบบส่วนหนึ่งมาจากซุ้มร้านค้าที่อยู่ตามท้องถนนจึงทำให้รู้สึกต่างจากความเป็นคลินิกทั่วไป

สถาปนิกใช้ทั้งตะแกรงเหล็กและรางเหล็กมาประยุกต์การออกแบบทำให้ดูเหมือนร้านสะดวกซื้อตามท้องถนน

ภาพนี้คือแปลนการออกแบบตกแต่งในห้อง จะเห็นว่าลักษณะของห้องเป็นตอนลึก มีกำแพงแบ่งเป็น 2 ห้องด้านหน้าสำหรับติดต่อ ส่วนด้านในเป็นพื้นที่ให้บริการรักษา ความพิเศษอยู่ที่ส่วนทางเข้า พาร์ติชันแผ่นโพลีคาร์บอเนตใสเจาะเป็นครึ่งของเครื่องหมายกากบาทสีเขียวให้สามารถเห็นด้านในได้ราง ๆ แต่กรอบประตูส่วนที่เป็นเหล็กสีเขียวต่อกรอบยาวไปจนถึงผนัง ทำให้เวลาเราเดินเข้าไปใช้บริการจากด้านหน้า องศาของมุมที่ดูจะทำให้เห็นภาพเป็นเครื่องหมายกากบาท

Photography is by Przemyslaw Turlej and Adam Wiercinski.

ส่วนพื้นที่ที่เหลือตกแต่งด้วยสีขาว สื่อความคลีน ปราศจากเชื้อโรค ขณะเดียวกันก็ลงดีเทลการออกแบบจากการปูพื้นด้วยแผ่นเซรามิกสีเทาเพื่อให้รู้สึกเชื่อมต่อกับทางเข้าด้านหน้าตึก

 

The Urban Dentist, Germany, Studio Karhard

Photography is by Stefan Wolf Lucks.

ที่แรกอาจจะยังไม่ฉีกมากแต่ The Urban Dentist นี่ถือว่าสายตื๊ดทั้งหลายต้องแพ้ใจให้การตกแต่งแน่ ๆ เพราะเขาออกแบบคลินิกทำฟันให้ดูเหมือนบาร์ หรือไนต์คลับเท่ ๆ จนอยากจะเรียกพยาบาลมาสั่งค็อกเทลสักแก้วเลย

Photography is by Stefan Wolf Lucks.
Photography is by Stefan Wolf Lucks.

Studio Karhard บอกว่าเขาตั้งใจออกแบบให้ฉีกเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย ไม่กลัว เลยเลี่ยงสีที่สถานทันตกรรมทั่วไปใช้อย่างพวกสีขาวหรือการตกแต่งเคลือบมัน เปลี่ยนมาใช้สีฉูดฉาดแทน แถมยังมีไฟ LED ที่สามารถตั้งโปรแกรมเปลี่ยนสีได้ติดล้อมรอบร่องผนังกระจก ขณะที่ด้านบนก็ไม่ได้ใช้ไฟรางปกติ แต่เป็นไฟรูปวงแหวน

 

Waiting room, China, RIGI Design

ถ้าคุณเป็นคนหัวใจกุ๊กกิ๊ก อยากไปทำฟันในที่ที่สไตล์ cozy อบอุ่นหัวใจ ห้องรอของคลินิกทันตกรรมที่อยู่ในเมืองท่าเทียนจิน (Tianjin) ของจีนแห่งนี้น่าจะถูกอกถูกใจ

ฟีลดีไซน์ของที่นี่คือฟีลห้องกินข้าวที่บ้าน จากห้องเดิมที่ผู้ป่วยต้องมานั่งเก้าอี้ยาววางขนานกัน ก็เปลี่ยนใหม่ จัดแต่งให้มีโต๊ะกลางเหมือนโต๊ะอาหารเวลาเราอยู่บ้าน รวมทั้งใช้เฟอร์นิเจอร์สีสันสดใสเพื่อให้รู้สึกแจ่มใส ทีเด็ดคือมีส่วนที่เป็นห้องรอของเด็ก ซึ่งจุดนี้เขาจะวางเฟอร์นิเจอร์รูปสัตว์ไว้ ทำให้เหมือนสนามเด็กเล่นย่อม ๆ ในอาคาร เหมาะจะใช้หลอกล่อลูกหลานไปหาหมออย่างยิ่ง หรือพ่อแม่คนไหนจะไปทำฟันไม่มีที่ฝาก ตรงนี้น่าจะตอบโจทย์

 

Sou Smile, Brazil, SuperLimão

Photography is by Maíra Acayaba.

คลินิกแห่งที่สี่นี้ตั้งอยู่ที่เซาเปาโล มองไปแวบแรกจะคิดว่าเป็นคาเฟ่หรือโคเวิร์กกิ้งสเปซแน่นอน เพราะการใช้สีที่คุมโทนชมพู ๆ มีส่วนเคิร์ฟโค้งในการตกแต่งห้อง หรือส่วนที่นั่งที่เป็นแนวยาว ลดหลั่นระดับชั้นให้เราปีนป่ายไปนั่ง แต่ละจุดมีหมอนอิงให้ด้วย ส่วนด้านบนแขวนต้นไม้เพิ่มสีเขียวสร้างความสดชื่น

Photography is by Maíra Acayaba.
Photography is by Maíra Acayaba.

ที่นี่ค่อนข้างพิเศษกว่าที่อื่น ๆ เพราะไม่ใช่แค่รักษาอย่างเดียว แต่เขายังใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับผลิตอุปกรณ์จัดฟันด้วยนักออกแบบจึงแบ่งพื้นที่ให้ใช้งานได้มากขึ้น โดยด้านบนใช้เป็นห้องแล็บปฏิบัติการและห้องประชุม ส่วนด้านล่างเป็นโซนเคาน์เตอร์และทำทันตกรรม

Photography is by Maíra Acayaba.

ใครไปใช้บริการที่นี่คงอยากจะพกคอมไปนั่งทำงานด้วยระหว่างรอ หรือหยิบหนังสือสักเล่มไปอ่านฆ่าเวลา ถึงจะต้องรอนานก็ไม่รู้สึกหวั่นใจเหมือนจะโดนเชือดในห้องทำฟันอย่างที่เคย

 

Ortho Wijchen, Netherlands, Studio Prototype

Photography is by Jeroen Musch.

ปิดท้ายอีกสักดีไซน์ ถ้ายังรู้สึกไม่ถูกใจเพราะจิตใจยังว้าวุ่น ไม่อยากไปอยู่ดี ลองเป็นคลินิกสายเขียว อยู่สงบใกล้ชิดธรรมชาติที่อยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ออกแบบโดย Studio Prototype ได้

Photography is by Jeroen Musch.
Photography is by Jeroen Musch.

อันที่จริงที่นี่ก็ยังให้ความรู้สึกของการไปหาหมอฟันอยู่จากการใช้สีขาวตกแต่ง แต่ว่าจะรู้สึกซอฟต์ลง ผ่อนคลายขึ้นเพราะใช้เฟอร์นิเจอร์สีไม้เบิร์ชตกแต่งภายใน จุดเด่นอยู่ที่การดีไซน์ที่ติดกระจกรอบอาคารแทนพื้นที่กำแพงปิด มองไปแล้วเห็นวิวเขียว ๆ ของสวนสุดลูกหูลูกตา กระทั่งห้องที่เราทำฟันเองเขาก็จัดเก้าอี้นอนให้หันออกไปทางสวน เราจะได้โฟกัสเรื่องอื่นแทนความเจ็บ

แน่นอนว่ากว่าจะได้วิวนี้ก็ต้องมีความอยู่กลางทุ่งหน่อย ๆ พื้นที่ธรรมชาติรอบข้างยังต้องดีอยู่ ดังนั้น ถ้าคิดว่าจะให้บ้านเรามีคลินิกแนวนี้ อาจจะต้องบอกว่าเป็นโจทย์ยากกว่าการตกแต่งแบบอื่น ๆ ที่นำเสนอไป

ทั้ง 5 แห่งนี้คือตัวอย่างความสำคัญของสถาปนิกที่จริง ๆ แล้วก็สำคัญไม่แพ้หมอ เพราะช่วยปรับมุมมองของคนที่เข้ามาใช้งานพื้นที่ได้ด้วยการออกแบบตกแต่ง ช่วยทำให้การใช้บริการการรักษาราบรื่นขึ้น แม้ไม่ใช่หมอยาก็เหมือนหมอใจ เห็นแบบนี้แล้วเราคงคลายความกังวลได้บ้าง จนลืมไปเลยว่าจะไปหาหมอฟัน!

 

 

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.dezeen.com/2020/08/30/seven-dental-clinics-designed-pain-out-of-check-ups/

https://www.theivorydental.com/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99-dental-phobia/

http://www.drsunildental.com/dental-phobia-th.php

Previous articleปั้นไทยเร่งฟื้นเศรษฐกิจโลก กลุ่มเบสท์กรุ๊ปโชว์ออกแบบ “ขุดคลองไทย”
Next articleกรมทางหลวง ชี้แจงกรณีภาพศาลาแบบใหม่บนทางหลวงหมายเลข 36 สาย กระทิงลาย–ระยอง พร้อมปรับปรุงศาลาฯทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สูงสุด