คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2559 อยู่ที่ประมาณ 6,973 ยูนิตมากกว่าไตรมาสที่ 4 พ.ศ.2558 ประมาณ 17% เพราะในไตรมาสที่ 4 พ.ศ.2558 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เพียง 5,961 ยูนิตเท่านั้น การที่คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากขึ้นในไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2559 ไม่ได้แสดงว่าตลาดคอนโดมิเนียมฟื้นตัวหรือว่ากำลังซื้อกลับมาแล้ว แต่เป็นเพราะว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 พ.ศ.2558 และไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2559 เป็นช่วงที่ผู้ประกอบการพยายามเร่งระบายโครงการเดิมในสต็อกที่สร้างเสร็จแล้วหรือว่าโครงการที่มีกำหนดแล้วเสร็จก่อนที่มาตรการช่วยเหลือตลาดอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลจะหมดในช่วงปลายเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ผู้ประกอบการหลายรายโดยเฉพาะรายใหญ่จึงเปิดขายโครงการใหม่กันไม่มากนัก แต่ที่มีโครงการเปิดขายใหม่เยอะในช่วงนี้กลับเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง และหน้าใหม่ โดยมีจำนวนรวมกันประมาณ 2,202 ยูนิตจากทั้งหมด 10 โครงการ
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เรนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมราคาแพงหรือที่มีราคาขายมากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปก็ยังได้รับความสนใจอยู่โดย ณ ปัจจุบันมีจำนวนรวมทั้งหมดประมาณ 3,393 ยูนิตขายไปได้ประมาณ 65% แสดงให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมระดับนี้ได้รับความสนใจระดับหนึ่งบางโครงการได้รับความสนใจจากผู้ซื้อชาวต่างชาติไม่น้อย ในปีพ.ศ.2559 ผู้ประกอบการหลายรายยังมีความมั่นใจในการพัฒนาโครงการระดับนี้ออกมาอีกแต่อาจจะมีจำนวนที่ลดลงจากปีพ.ศ.2558 เพราะว่ายังไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์รวมทั้งอุปทานจำนวนมากเข้ามาดูดซับความต้องการไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งจะเห็นได้จากบางโครงการที่เปิดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีพ.ศ.2558 ที่ทำยอดขายได้ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับโครงการก่อนหน้านี้โดยทำเลที่มีจำนวนโครงการระดับนี้มากที่สุด คือ สุขุมวิทที่มีอยู่ 40% จากจำนวนทั้งหมด
ราคาที่ดินในพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิทมีราคามากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อตารางวาขึ้นไปทำให้โครงการระดับราคามากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตรชึ้นไปอยู่ในทำเลนี้มากที่สุด แต่อาจจะขายไปได้ประมาณ 57% เท่านั้น เพราะมีโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคาที่ต่ำกว่าในทำเลเดียวกันเปิดขายอยู่หลายโครงการเช่นกัน แต่ทำเลรอบๆ สวนลุมพินี สีลมกับสาทรขายได้มากกว่า 75% ทั้งสองทำเล
“ในขณะที่ตลาดบ้านจัดสรรอาจดูไม่ค่อยชะลอตัวลงไปเท่าไหร่เพราะได้รับประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลมากกว่าคอนโดมิเนียมที่ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า เรื่องที่สร้างความน่าสนใจในตลาดบ้านจัดสรรในช่วงไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2559 คือบ้านราคาแพงที่มีราคาขายเกิน 40 ล้านบาทต่อยูนิตมีการพูดถึงกันมากขึ้นหลังจากที่คอนโดมิเนียมราคาแพงเข้ามาครอบครองพื้นที่สื่อไปเป็นปีแล้ว ผู้ประกอบการหลายรายจึงเริ่มมีการออกข่าวว่าจะสร้างบ้านในราคาเริ่มต้นที่ 40 ล้านบาทต่อยูนิตในปีนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเปิดขายมาก่อนหน้านี้แล้วก็ตามโดยภาพรวมของบ้านในระดับราคาเริ่มต้นที่ 40 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไปในกรุงเทพมหานคร ณ ปัจจุบันมีเปิดขายอยู่ทั้งหมด 17 โครงการ 668 ยูนิตและขายไปได้แล้วประมาณ 61% ของจำนวนทั้งหมดซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการตอบรับจากผู้ซื้อค่อนสูงแม้ว่าบ้านจะมีราคาขายเริ่มต้นที่ 40 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไปถึงมากกว่า 160 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวบนที่ดินขนาดประมาณ 60 ตารางวาขึ้นไปและในปีพ.ศ.2558 เริ่มมีโครงการบ้านขนาดเล็กบนที่ดินประมาณ 30 ตารางวาในพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิทเปิดขายบ้างแต่จำนวนยูนิตต่อโครงการอาจจะไม่มากนัก” นายสุรเชษฐ กล่าวเพิ่มเติม
ตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2559 อาจจะไม่ค่อยคึกคักเพราะว่าเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงชะลอตัว และผู้ประกอบรายใหญ่ต่างเร่งระบายสต็อกคอนโดมิเนียม และบ้านจัดสรรที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงที่รัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ทำให้ข่าวการเปิดขายโครงการใหม่จากผู้ประกอบการรายกลาง รายเล็ก และรายใหม่มีมากกว่า รวมทั้งข่าวการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมในราคาแพงๆ ระดับมากกว่า 40 ล้านบาทขึ้นไปเข้ามาสร้างความน่าสนใจมากขึ้น นายสุรเชษฐ กล่าวสรุป