ถ้าอ่านหนังสือเรามักจะเจอประโยคเด็ด ๆ อย่าง Don’t judge the book by its cover. ที่แปลว่า “อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก” และประโยคเดียวกันนี้ใช้ได้กับวงการสถาปัตย์ไม่ต่างกัน เพราะภายนอกอาคารก็ไม่ต่างจากปกหนังสือเล่มยักษ์ที่ข้างในล้วนสร้างความประหลาดใจไม่น้อย

รูปภาพจาก stefano pedretti

เช่นเดียวกับอาคารหลังที่เรากำลังจะพูดถึงในเมือง rotello ประเทศอิตาลีแห่งนี้ที่ภายนอกเป็นโบสถ์ Saint Rocco หน้าตาเข้มขลังสวยงามแต่พอเปิดประตูเข้าไป ดันกลายเป็นโรงละครสุดเนี้ยบ! ซะอย่างนั้น

โปรเจกต์แปลงโฉมโดยใช้ชื่อว่า ‘Restoration and transformation of saint rocco’s church into a theater’ ครั้งนี้ได้ Luigi valente และ Mauro di bona เป็นผู้รังสรรค์ขึ้น เปลี่ยน Saint Rocco หลังโบสถ์แห่งนี้เคยได้รับการปฏิสังขรณ์หลังคา เพื่อให้การปรับปรุงเน้นเรื่องฟังก์ชันการใช้งานมากขึ้นและอาจเปลี่ยนความรู้สึกของชาวคริสต์ที่ต้องเข้ามาประกอบกิจกรรมสม่ำเสมอ เขาจึงเน้นเรื่องการออกแบบเพื่อการใช้งานมากขึ้นด้วยการสร้างโรงละครถาวรและโถงอเนกประสงค์สำหรับประกอบกิจกรรม งานนี้ถือว่าค่อนข้างท้าทาย เพราะแน่นอนว่ามันมาพร้อมความเชื่อ การออกแบบจึงต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ เคารพความสำคัญของสถานที่ให้มาก และภาพเหล่านี้คือโบสถ์ที่ได้รับการแปลงโฉมเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ด้านข้างถอดประติมากรรมนักบุญตามช่องหน้าต่างออกจึงดูเรียบโล่ง

ภายนอกเก็บรักษาไว้ให้คงสภาพเดิมเป็นมรดกประวัติศาสตร์ ส่วนภายในโดดเด่นจากการตกแต่งใหม่ สร้างบรรยากาศสดใส โปร่งโล่งไม่ทึบเหมือนช่องแสงผ่าน stain glass เช่นเดียวกับโบสถ์ดั้งเดิม แต่ใช้วิธีทาสีขาวทั่วตลอดทั้งผนัง ฝ้าเพดาน แต่ด้านหน้ายังคงเก็บพื้นหินไว้บางส่วนเพื่อคงเรื่องเล่าอดีตจวบปัจจุบันและเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อย่างลงตัว

พื้นที่ 240 ตารางเมตร ใจกลางที่ว่างวางเก้าอี้เท้าแขนสีดำ (armchair) ขนาดเล็ก สไตล์โรงหนังที่พับเก็บที่รองนั่งได้เองแต่กว้าง เว้นระยะห่างวางเรียงกัน 10 แถว แถวละ 10 ตัวจึงรองรับจำนวนผู้เข้าชมโรงละครได้สูงสุดถึง 100 คน ที่สำคัญยังมีข้อดีตรงที่เก้าอี้สามารถเอนหลังได้องศากับตัวคนนั่งสบาย ๆ ทำให้นั่งได้นานและไม่เกะกะเมื่อทุกคนลุกเดินออกไป

 

บันไดเวียนต่อขึ้นขั้นบนสำหรับพื้นที่แบบ VIP สไตล์เดียวกับโรงละคร Opera ทั้งหลาย ส่วนด้านหลังที่นั่งเหล่านี้มีห้องไว้สำหรับดำเนินการควบคุมแสงสีเสียงบนเวที

สีดำที่โผล่แซมมาตัดกับสีขาวของพื้นที่ส่วนใหญ่ในอาคารไม่เพียงเรียกความเป็นโมเดิร์นและเรียบหรูให้เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นสีสันแห่งความสงบเหมาะสมกับหน้าที่เดิมของอาคาร

นอกจากนี้ระบบภายในอาคารยังได้รับการออกแบบมาให้ประหยัดไฟยิ่งขึ้นเพราะสถาปนิกให้ความสำคัญจากการเลือกติดตั้งรายละเอียดหลอดไฟเข้ามาสอดรับกัน เช่น การติดตั้งไฟ LED บริเวณพื้นตามทางเข้าแถวที่นั่งแบบเดียวกับโรงภาพยนตร์ เมื่อปิดไฟภายในโรงแล้วจะมีแสงจากพื้นช่วยให้ประหยัดไฟได้เพิ่มขึ้น

การบูรณะพื้นที่โบสถ์ให้กลายเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะทำแบบนี้ยังพบว่ามีน้อย เพราะเป็นพื้นที่เกี่ยวพันกับศาสนาเป็นพื้นที่ละเอียดอ่อนจึงเป็นเหตุผลให้เราเลือกนำมาฝากกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย เราขอเพิ่มอีกสักโปรเจกต์ที่น่าสนใจมาแบ่งให้ดูอีกทีแม้โปรเจกต์นี้จะเสร็จเรียบร้อยไปเมื่อปีที่แล้วก็ตาม

การตกแต่งภายในครั้งนี้เป็นผลงานโปรเจกต์ของ Nike แบรนด์เครื่องกีฬาชั้นนำที่เรารู้จัก ถือว่าเป็นการแปลงโฉมแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวเพราะเขาเปลี่ยนโบสถ์ปี 1885 ที่ตั้งอยู่ในชิคาโก ให้กลายเป็นสนามบาสเกตบอล ซึ่งภายในไม่ได้มีแค่สนามอย่างเดียวแต่ยังมีเฟอร์นิเจอร์และรายละเอียดอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งห้องล็อกเกอร์ ห้องเทรนร่างกาย ฯลฯ

ถ้าสังเกตให้ดีบริเวณจุดที่เล่นบาสเกตบอลสามารถสร้างความเสียหายได้ อย่างช่วงกระจกสี ทาง Nike เขาก็ออกแบบโครงเหล็กขึ้นมากั้นกำบังอีกชั้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่ใส่ใจโครงสร้างสถาปัตยกรรมเดิมด้วยเช่นเดียวกัน

พื้นที่แห่งนี้แปลงจุดประสงค์จากการเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเชิงศาสนามาเป็นพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจแทน เมื่อศูนย์บาสเกตบอลแห่งนี้สร้างเสร็จ เยาวชนผู้รักกีฬาจะได้ลงมือทำสิ่งที่เขาฝันให้เป็นจริงมากขึ้นจากการฝึกฝนตัวเองโดยมีอุปกรณ์ที่เพียบพร้อมไว้รองรับ

ทั้ง 2 ตัวอย่างนี้คงทำให้เห็นแล้วว่าการออกแบบช่วยให้ภาพลักษณ์ บรรยากาศ และหน้าที่ของอาคารหลังเดิมเปลี่ยนไปได้อย่างลงตัว ใครจะรู้ อนาคตสถาปัตยกรรมทางศาสนาอาจจะเปลี่ยนแปลงหน้าพื้นที่ภายในของมันไปเพื่อให้เชื่อมโยงใกล้ชิดกับคนในสังคมมากกว่านี้เพราะทุกวันนี้คนถอยห่างจากการประกอบพิธีกรรมแบบเดิม ๆ ศาสนสถานหลายที่ก็ถูกทิ้งร้างไม่ได้มีคนเข้าไปแวะเวียนเพื่อจัดกิจกรรมเหมือนเก่า สถาปนิกรวมทั้งนักออกแบบแทบทุกแขนงคงมีบทบาทเข้ามาช่วยปรับจูนความรู้สึกของพื้นที่เข้ากับคนได้ดีขึ้น

เห็นการ Transform จากทั้ง 2 โบสถ์นี้แล้วก็น่าคิดว่า อนาคตของบ้านเราที่มีวัดทั่วทุกหย่อมย่านอาจจะมีปรากฏการณ์แปลงโฉมวัดในรูปแบบอื่นเจ๋ง ๆ ให้ได้เห็นมากกว่าการติดบอร์ด นิทรรศการ รูปแบบเดิม ๆ ว่าแต่พวกเราล่ะ ถ้าให้จินตนาการว่าวัดเดิมจะแปลงโฉม ข้างนอกอาจจะเหมือนเดิม แต่ด้านในเปลี่ยนแปลงไป จะใช้พื้นที่มาทำอะไรกันได้บ้าง?

 

อ้างอิงข้อมูลจาก:

  1. http://worldcivil14.blogspot.com/2014/01/blog-post_29.html
  2. https://www.designboom.com/architecture/luigi-valente-mauro-di-bona-restore-church-to-theater-rotello-italy-07-02-2019/
  3. https://www.designboom.com/architecture/nike-just-do-it-hq-chicago-08-17-2018/
Previous article“CERSAIE 2019” Trade Show สำหรับสาวกเซรามิกโดยเฉพาะ !
Next articleบางบอนพลาสติค เปิดโรงงานต้อนรับลูกค้า
ตอกย้ำคุณภาพสินค้าแบรนด์ Nano Electric Product