สำหรับผนังภายนอกของบ้านเปานั้น ได้เลือกใช้ระบบฉาบเรียบและทำสีพ่น เพื่อให้ได้ผืนผนังสีขาวที่ต่อเนื่องกัน สร้างความรู้สึกที่เป็นรูปทรงของก้อนสี่เหลี่ยมได้อย่างชัดเจน และสีพ่น Texture ยังทำให้ผนังเกิดผิวสัมผัสหยาบ ช่วยสร้างมิติยามเมื่อแสงแดดตกกระทบได้อย่างดี

ซึ่งระบบสีพ่น Texture ผลิตภัณฑ์ Bellart ที่ถูกเลือกมาใช้นี้ มีลักษณะเป็นเนื้อทรายสังเคราะห์ ชนิดอะคริลิคซิลิโคน สามารถทำลวดลายได้หลากหลาย และทาทับหน้าด้วยสีน้ำเกรดอะคริลิคหรือซิลิโคนได้ด้วย โดยในการออกแบบผนังภายนอกบ้านเปาได้เลือกลวดลายของผิวสัมผัส เพื่อสร้างให้เกิดมิติของเงาที่จะเกิดขึ้นบนผนังในเฉดสีที่แตกต่างกัน 3 ระดับ ได้แก่ Flat ซึ่งเป็นการพ่นผิวสัมผัสละเอียด, Lithin การพ่นผิวสัมผัสหยาบ และ Stucco การพ่นผิวสัมผัสขรุขระ การที่ลวดลาย Flat มีผิวละเอียด เมื่อแสงตกกระทบจึงไม่ค่อยเกิดเงาขึ้น ในทางกลับกันลาย Stucco ซึ่งมีผิวขรุขระมาก เมื่อแสงตกกระทบก็จะทำให้เกิดเงาขึ้นมาก ดังนั้นเมื่อพ่นลวดลายต่าง ๆ ลงบนผนังในตำแหน่งและแพทเทิร์นที่ต่างกันไป จึงทำให้ผนังเกิดมิติของแสงและเงาที่ไม่เท่ากันทำให้ผนังเกิดเฉดสีขาวที่ต่างกัน และเงาที่เกิดขึ้นยังทำให้มุมมองภาพผนังของบ้านเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวันอีกด้วย

ส่วนขั้นตอนการใช้งานระบบสีพ่น Texture โดยทั่วไป เริ่มแรกต้องทำการเตรียมพื้นผิวก่อน สำหรับผนังคอนกรีตปูนฉาบเรียบ พื้นผิวต้องแห้ง สำหรับผนังปูนใหม่ควรทิ้งไว้อย่างน้อย 21 วัน หรือวัดความชื้นได้ไม่เกิน 18% ก่อนลงระบบสีพ่น และต้องปราศจากคราบสกปรก ฝุ่น น้ำมัน ไขมัน และสิ่งปนเปื้อน พื้นผิวที่ไม่เรียบและรอยแตกร้าว จากนั้นจึงทำระบบสีพ่น Texture

9

Stucco
Stucco

ในการทำระบบสีพ่น Texture นั้น จะต้องทำสีรองพื้น (Primer) ก่อนด้วยผลิตภัณฑ์ ซุปเปอร์ไปโอไฟน์ ซิลเลอร์ (Super Biofine Sealer) ซึ่งเป็นสีรองพื้นเนื้อด้านประเภทอิน-ออแกนนิค โพลีเมอร์ ขนิดสองส่วนผสม ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร สำหรับพื้นผิวปูนเก่าต้องลงรองพื้นปูนเก่าด้วย Mirac#100 จำนวน 1 รอบก่อนทำสีรองพื้น และสำหรับพื้นผิวเหล็กต้องลงรองพื้นปูนเก่าด้วย Mirac Bosei M จำนวน 1 รอบก่อนด้วย ส่วนวิธีการลงสีรองพื้นด้วยการกลิ้ง 1 รอบ ค่าความถ่วงจำเพาะ 1.5 +/- 0.2 ให้เวลาในการทาทับประมาณ 16 ชั่วโมง

จากนั้นจึงทำสีพ่น Texture ด้วยผลิตภัณฑ์ Bellart โดยสร้างลวดลายโดยการติดสติ๊กเกอร์ Groove Line ที่มีความกว้างเล็กสุด คือ 5 มิลลิเมตร พ่นทำผิว 2 รอบ ความถ่วงจำเพาะ 1.7 +/- 0.2 ให้เวลาในการพ่นทับประมาณ 24 ชั่วโมง และสุดท้ายจึงทาทับหน้า (Top Coat) ด้วยผลิตภัณฑ์ Biofine Matt (แบบด้าน) หรือ Super Biofine (แบบกึ่งเงา) ซึ่งเป็นสีทาทับหน้าเกรดอะคริลิค 100% ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อม กันเชื้อราและตะไคร่น้ำ มีฟิล์มสีที่เกาะตัวแน่นและมีความหนาแน่นสูง ทำให้ป้องกันการขัดถู และทนทานต่อสภาวะอากาศได้ดี ส่วนวิธีการลงสีทับหน้าให้เอาสติ๊กเกอร์ Groove Line ออกก่อน แล้วจึงลงสีทาทับหน้า จำนวน 2 รอบ ใช้ระยะเวลาในการทาทับประมาณ 24 ชั่วโมง ในกรณีที่ต้องการทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่าย เพียงใช้แปรงขนอ่อนร่วมกับน้ำสะอาด หรือน้ำยาทำความสะอาดชนิดอ่อน ๆ หรือหากเป็นคราบสกปรกฝังแน่นให้ใช้เครื่องฉีดน้ำ Water Jet โดยปรับแรงดันที่ระดับเบาในการทำความสะอาดได้เช่นกัน

อ่าน: ‘stu/D/O’ สู่การสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน (ตอนที่1)
        ‘stu/D/O’ สู่การสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน (ตอนที่2)

นิตยสาร Builder Vol.36 OCTOBER 2016

Previous article“กังหันน้ำชัยพัฒนา” สุดยอดนวัตกรรม จากพระอัจฉริยภาพของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
Next article‘Water Seer’ กังหันลมผลิตน้ำสะอาดจากอากาศ บรรจุได้ 11 แกลอนต่อวัน!
Builder
กองบรรณาธิการนิตยสาร Builder - เดิมเคยเป็นหนังสือพิมพ์รายปักษ์ ภายใต้ชื่อ Builder News เผยแพร่เนื้อหาข่าวสารเกี่ยวกับวงการธุรกิจก่อสร้างมากว่า 10 ปี ต่อมาจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นนิตยสารรายเดือนในชื่อว่า Builder เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นไปในยุคปัจจุบัน มุ่งนำเสนอเรื่องราวในวงการก่อสร้าง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบตกแต่ง ตลอดจนความรู้เรื่องวัสดุอย่างครบวงจร