ฤดูฝนเป็นช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับบ้านไม้ได้มาก หากดูอย่างไม่ถูกวิธี เพราะนอกจากตัวไม้จะชื้นแล้วยังก่อให้เกิดการผุพังของตัวบ้าน รวมทั้งการหดตัวของเนื้อไม้ เมื่อเจอกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย

การดูแลผิวไม้และโครงสร้างภายนอก ทำได้ด้วยการทาสีน้ำมันหรือสีน้ำพลาสติกสำหรับงานไม้ ซึ่งโครงสร้างภายนอกเหล่านี้ประกอบไปด้วย ฝาบ้าน ประตูและหน้าต่าง ซึ่งต้องเจอกับละอองน้ำและความชื้นอยู่บ่อยครั้ง และความชื้นอาจซึมเข้าสู่เนื้อไม้ จนก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวบ้านได้ นอกจากนั้นหากต้องการโชว์ลวดลายของเนื้อไม้ ยังสามารถใช้สีย้อมไม้ทาได้ แต่ควรทาเคลือบผิวไม้ด้วยน้ำยากันแมลงก่อน เพื่อป้องกันปลวกและมอด

ในส่วนของโครงไม้กลางแจ้ง ที่ต้องตากแดด ตากฝนเป็นประจำ เช่น เฉลียง ระเบียง ควรเลือกไม้ประเภทเนื้อแข็ง อย่างไม้สัก ไม้เต็ง หรือไม้แดง เพราะเป็นไม้ที่มีเนื้อแข็งแรง ทำให้ปลวกและมอดไม่กัดกิน ควรดูแลไม้จำพวกนี้ด้วยการทาสีย้อมไม้ เป็นการป้องกันความชื้นซึมเข้าเนื้อไม้ แต่ไม่ควรทาด้วยสีน้ำมันเพราะจะทำให้พื้นลื่น นอกจากนี้ควรทาสีเคลือบทุก ๆ 3 ปี และไม่ควรปล่อยให้น้ำขังอยู่บริเวณพื้นไม่นาน ๆ

และไม้ในบริเวณตัวบ้านรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ สามารถดูแลได้ด้วยการเคลือบน้ำยาป้องกันรอยขีดอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว เพราะเนื้อไม้ภายในบ้าน ไม่เสี่ยงต่อการโดนความชื้นหรือต้องตากแดดเป็นประจำ แต่หากไม่ชอบความมันวาวของน้ำยาเคลือบ สามารถทาเนื้อไม้ด้วย ย Teak oil หรือ Oil stain แต่ต้องทาทุก ๆ 3 เดือน จะช่วยให้เนื้อไม้สวยและดูเป็นธรรมชาติ

 

Source : ddproperty , stocksnap

Previous articleครม. แถลงผลอนุมัติสร้าง “หอคอยชมเมืองกรุงเทพมหานคร” โดยไม่ใช้วิธีการประมูล เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่มีมูลค่าถึง 4.6 พันล้านบาท
Next articleมาชมผลงานน่าสนใจของ Masamichi Katayama ในงานนิทรรศการที่ Tokyo Opera City Art Gallery