ในญี่ปุ่น การท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นสิ่งที่กำลังเป็นกระแสที่ดี (ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 น่ะนะ) และพื้นที่สำหรับการพักผ่อนยาวก็กำลังทยอยเปิดให้บริการ ในขณะที่ส่วนของแบรนด์ Luxury เช่น Park Hyatt, Aman และ Four Seasons ผู้นำธุรกิจเครืออสังหาริมทรัพย์ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ได้มีการนำไอเดียการพักผ่อนที่คล้ายกับการยกที่พักอาศัยมาไว้ในกระแสการท่องเที่ยว จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 เมื่อโรงแรม The Mitsui Kyoto ได้เปิดประตู Kajiimiya อันยิ่งใหญ่ตั้งแต่ปี 1703 โดยที่โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมด 161 ห้อง และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือบ่อน้ำร้อนซึ่งเป็นเสน่ห์ของความเป็นญี่ปุ่นมิมีเสื่อมคลาย

สถานที่ตั้งของโรงแรมนี้อยู่ตรงข้ามกับปราสาท Nijo โดยเป็นที่ดินของตระกูล Mitsui ตั้งแต่ปี 1691 ซึ่งตระกูลนี้ได้สูญเสียแปลงที่ดินหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่โรงแรมนานาชาติ Kyoto จะเปิดทำการบนที่ดินแปลงนี้ในปี 1961 และเมื่อสถาบันญี่ปุ่นปิดตัวลงในปี 2014 Mitsui Fudosan ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Mitsui Group ได้มองเห็นโอกาสในการเปิดโรงแรมและเริ่มดำเนินการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

“Mitsui อยู่ในแวดวงของโรงแรม Luxury ในญี่ปุ่นโดยใช้ชื่อต่างชาติ เช่น Mandarin และ Ritz มาก่อน” Manabu Kusui ผู้จัดการทั่วไปกล่าว “ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงต้องการสร้างโรงแรม Luxury สไตล์ญี่ปุ่นภายใต้ชื่อของตระกูล Mitsui เอง” 

Mitsui มีการดำเนินธุรกิจประเภท Luxury ในญี่ปุ่นอยู่แล้ว รวมไปถึง Halekulani ในโอกินาวา (และโรงแรมแบบดั้งเดิมในโฮโนลูลูด้วย) และจะมีเอาท์เล็ตภายในประเทศ เช่น โรงแรม Mitsui Garden ซึ่งจะเน้นฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าความโอ่อ่าอลังการ

“ถ้าคุณถามคนอื่นว่าโรงแรมที่ดีที่สุดในเกียวโตคือที่ไหน คุณจะได้ยินแต่ชื่อที่ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น” Kusui กล่าว และด้วยความที่เขาทำงานในบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Park Hyatt Tokyo และ Mandarin Oriental ในฮ่องกงมามากกว่า 20 ปี เขาย่อมรู้ว่าความเห็นของเขามีความสำคัญต่อธุรกิจที่พักอาศัยพอสมควร

ทีมทำงานของ Mitsui ทำงานอย่างหนักจนได้ Akira Kuryu สถาปนิกชาวญี่ปุ่นมาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบหลัก และ Shusaku Miyagi ภูมิสถาปนิกท้องถิ่นเกียวโตที่ออกแบบสวนสไตล์ญี่ปุ่น ในขณะที่ส่วนหนึ่งของการตกแต่งภายในที่ซับซ้อนได้รับการออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวฮ่องกง นามว่า André Fu และส่วนที่เหลือออกแบบโดย Yohei Akao โดยได้มีการออกแบบให้บ่อออนเซ็นมีความลึก 1,000 เมตรใต้พื้นดิน

นอกจากนี้ภายใน “Hotel The Mitsui Kyoto” ยังมีส่วนของสปาน้ำพุร้อนที่มีแสงสลัว ๆ (เป็นบ่อรวมชาย-หญิง ซึ่งต้องสวมชุดว่ายน้ำในขณะแช่น้ำร้อน) และห้องออนเซ็นส่วนตัวอีก 2 ห้องสำหรับแขกที่ต้องการสระขนาด 100 ตารางเมตรและความเป็นส่วนตัว

ในขณะที่โซนภัตตาคารหลัก (หรือที่เรียกว่า Toki) ผู้เข้าพักสามารถลิ้มลองเทปันยากิและขนมปังเกลียวที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารฝรั่งเศสจากเชฟใหญ่นามว่า Tetsuya Asano ซึ่งถูกเรียกตัวมาจาก Ritz ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีบาร์สำหรับนั่งดื่มด่ำกับวิสกี้และจินอีกด้วย

ด้านการตกแต่งสวน จะเป็นโอเอซิสในเมืองที่ประดับไปด้วยต้นซากุระ Yaebeni Shidare จากฟูกุชิมาและโคมไฟหินเก่าแก่ นอกจากนี้ยังมีห้องพิธีชงชา Chakyo โดยอาจารย์ด้านการชงชาอย่าง So’oku Sen ซึ่งเป็นพิธีชงชาแบบ Ryurei หรือพิธีชงชาแบบนั่งบนเก้าอี้ ซึ่งจะมีโต๊ะและเก้าอี้วางไว้ในห้องพิธีนั้นด้วย

“พวกเราต้องการที่จะกลายเป็นสถาบันที่เป็นตัวแทนของเมืองเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์” Kusui กล่าวอย่างครุ่นคิด นอกจากนี้เขายังมีความแตกต่างจากคู่แข่ง จากแนวคิดในการสร้างโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ สำหรับการเริ่มต้นแข่งขันท่ามกลางบริษัทต่างชาติ ซึ่งคงจะดีถ้าได้เห็นชื่อโรงแรมเป็นภาษาญี่ปุ่นมากขึ้นในตลาดของตัวเองอย่างที่เขาได้สร้าง “Hotel The Mitsui Kyoto” ขึ้นมานั่นเอง

โรงแรมในญี่ปุ่นมีมากมาย แต่ทว่าจะหาโรงแรมที่เป็นภาษาญี่ปุ่น ตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ คงความมินิมัลไว้ในขณะที่ให้ความหรูหรามีเอกลักษณ์ไปในตัว ซึ่งไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็ทำได้ เนื่องจากทีมสถาปนิกผู้ออกแบบ ทั้งตัวอาคาร การตกแต่งภายใน ภูมิทัศน์ ฯลฯ และคณะทำงานล้วนทำงานหนักด้วยกันเพื่อให้ได้โรงแรมระดับห้าดาวกลิ่นอายญี่ปุ่น ทั้งนี้ หากเราสามารถเดินทางได้อีกครั้ง ก็อย่าลืมไปชมความสวยงามของ “Hotel The Mitsui Kyoto” แห่งนี้กัน

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://monocle.com/magazine/issues/140/40-check-in-time/

 

Previous articleCPAC BIM หนุนวงการแพทย์ ส่งต้นแบบห้องแยกและควบคุมเชื้อ
ตอบโจทย์ลดการแพร่เชื้อ Covid-19 ระลอกใหม่
Next articleวิศวกรโยธา(ออกแบบ)
Porntiwa
สาวรัฐศาสตร์หน้าใส หัวใจรักการเขียน ผู้ผันตัวจากสายการเมือง มุ่งหน้าสู่สถาปัตยกรรมเต็มตัว