สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เอกซเรย์! ตลาดรับสร้างบ้านโค้งสุดท้ายกำลังซื้อค่อยๆ ฟื้นต่อเนื่อง ผู้ประกอบการจุดพลุแคมเปญส่งผลตลาดแข่งดุ พร้อมแนะผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือพฤติกรรมผู้บริโภคยุคสมาร์ท ลิฟวิ่ง

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builders Association: HBA) รายงานตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.2560) พบว่า ความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคนั้นอยู่ในภาวะที่ทรงตัว แต่อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีและต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งแรกของปี 2561 ตลาดน่าจะมีความคึกคักมากขึ้น  ทั้งนี้ เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มาตั้งแต่ช่วงที่สมาคมฯได้จัดงาน Home Builder & Materials Expo 2017 ระหว่างวันที่ 17 – 20 สิงหาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน และเพื่อเป็นการสนับสนุนและกระตุ้นการตัดสินใจผู้บริโภคที่ใช้บริการปลูกสร้างบ้านผ่านบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ทางสมาคมที่ล่าสุด เมื่อเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้ลงนามความเข้าใจ (MOU) กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส.เพื่อปล่อยกู้ปลูกสร้างบ้านผ่านแคมเปญ HOME FOR ALL ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3 ปีแรก 2.90% พิเศษ 4 ฟรี! คือ ฟรี ค่าจดจำนอง, ฟรี  ค่าจดทะเบียนสิทธินิติกรรม, ฟรี ค่าประเมินหลักประกันและ ฟรี ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้

นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านกล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้ร่วมลงนามความเข้าใจกับทาง ธอส. และสมาคมฯ ได้ทำการประชาสัมพันธ์ฯ ไปยังผู้บริโภคที่มีความสนใจที่จะปลูกสร้างบ้านภายใน  6 เดือน หรือภายใน 1 ปี (ปลูกสร้างภายใน 6 เดือน คิดเป็นสัดส่วน 12.58%, ปลูกสร้างภายใน 1 ปีคิดเป็นสัดส่วน 26.46%) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จาการสำรวจจากงาน Home Builder & Materials Expo 2017 ผลปรากฏว่าได้รับรายงานจากบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ แจ้งมาว่า เริ่มมีผู้บริโภคหลายรายให้ความสนใจและสอบถามรายละเอียด นอกจากนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านก็ได้จัดโปรโมชั่นส่งท้ายปีเพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับผู้บริโภค ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดีที่จะส่งผลภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านในปีนี้เติบโตตามได้ใกล้เคียงกับการประมาณการณ์เมื่อช่วงต้นปีซึ่งคาดว่าตลาดน่าจะมีมูลค่า 10,200 ล้านบาท เติบโต 5-10%  ใกล้เคียงกับปีก่อน

สำหรับปัญหาเรื่องน้ำท่วมนั้น สมาคมฯ มองว่าได้ส่งผลกระทบต่อตลาดรับสร้างบ้านแต่เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น และความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นยังถือว่าไม่รุนแรงเท่ากับช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  อย่างไรก็ดี สมาคมฯ มีความเชื่อมั่นว่าภาพโดยรวมแล้วธุรกิจรับสร้างบ้านน่ามีความคึกคักในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ และต่อเนื่องถึงปีหน้า นายพิชิต กล่าวย้ำ พร้อมกับให้เหตุถึงปัจจัยบวกที่มาสนับสนุน ดังนี้ 

1.สภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว รวมถึง ภาคการส่งออกของไทยที่ขยายตัวค่อนข้างสูง  ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการเติบโตของตลาดส่งออกของประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องน่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ

2. ความชัดเจนด้านการเมือง เกี่ยวกับการเลือกตั้งตามโรดแมปที่รัฐบาลวางไว้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับบรรยากาศการลงทุนและเศรษฐกิจ 3.การลงทุนที่ต่อเนื่องในระบบโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงการลงทุนอื่นๆ ของภาครัฐ จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของภาคเอกชน และ 4.อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในอัตราที่ต่ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคทุกกลุ่มอาชีพ

สำหรับภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น  นับจากนี้คงเห็นผู้ประกอบการจุดพลุแคมเปญการตลาดส่งท้ายปีเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคที่อั้นหรือลังเลอยู่ ส่วนแคมเปญที่ออกมาจะเข้มข้นแค่ไหนขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทว่าจะเร่งทำตัวเลขยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี

พร้อมกันนี้ นายพิชิต ยังได้กล่าวในตอนท้ายว่า ภายใต้กรอบการแข่งขันของธุรกิจรวมถึงปัจจัยความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ รวมถึงการปรับขึ้นราคาของวัสดุก่อสร้างในบางรายการ ซึ่งอาจกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้าง ดังนั้น การดำเนินธุรกิจคงต้องปรับตัวรองรับกับการขยายตัวของกำลังซื้อทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึง ตลาดต่างจังหวัด  ซึ่งผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วยการออกแบบบ้านให้ตรงกับความต้องการของตลาดและเทรนด์ต่างๆที่จะตามมาในอนาคต เช่น  เทรนด์นวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง  เทรนด์การอยู่อาศัยแบบไร้สาย ซึ่งการออกแบบบ้านนั้นก็ต้องตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสหรือ “ สมาร์ท ลิฟวิ่ง” รวมถึงที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เทรนด์นี้นับวันจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในประเทศไทยโดยการออกแบบให้อยู่รวมกันได้ทั้ง 3 Generations คือ รุ่นปู่ย่า -พ่อแม่ และรุ่นลูกหลาน  เป็นต้น                 

Previous article‘Transparency’ เว็บไซต์ที่จะช่วยให้นักออกแบบเลือกวัสดุที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
Next articleโดมไม้ไผ่กลางภูเขา ผลงานชิ้นล่าสุดของสถาปนิกชาวเวียดนาม
เอกนรินทร์ หมอยา
จบการศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจุบันเป็น Content Writer ของกองบรรณาธิการ BuilderNews / DesignerHub