‘เอสซีจี’ อัปเกรดมาตรฐานท่อประปาขนาดใหญ่ จับมือ ‘กปภ.’ เปิดส่งน้ำลอดใต้ทะเลสู่เกาะสมุย

1240

นพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เปิดเผยว่า น้ำจืดสำหรับอุปโภคและบริโภคบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีมักขาดแคลนในช่วงหน้าแล้ง กปภ. ตระหนักถึงความต้องการของประชาชน จึงจัดทำ “โครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย” เพื่ออำนวยความสะดวกด้านน้ำสะอาดให้มีการอุปโภคและบริโภคอย่างทั่วถึง

“โครงการนี้ได้แล้วเสร็จและเปิดจ่ายน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความสำเร็จในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการพัฒนานวัตกรรมวัสดุสำหรับผลิตท่อส่งน้ำประปาของภาคธุรกิจ ซึ่ง กปภ.เลือกใช้นวัตกรรมเม็ดพลาสติก PE112 จากเอสซีจี ที่มีความเหนียว แข็งแรง และทนต่อแรงดันใต้ทะเล สามารถเพิ่มเสถียรภาพในการวางท่อลอดใต้ทะเลได้ง่าย พิสูจน์ได้จากเหตุการณ์พายุโซนร้อนปาบึกเคลื่อนเข้าสู่อ่าวไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่พายุไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อโครงการได้เลย”

นพรัตน์กล่าวอีกว่า ท่อส่งน้ำสามารถรองรับผู้ใช้น้ำได้เพิ่มมากขึ้นอีกกว่า 64,000 คน ครอบคลุมพื้นที่จ่ายน้ำฝั่งสุราษฎร์ธานีใน อำเภอพุนพิน อำเภอเมือง อำเภอกาญจนดิษฐ์ และอำเภอดอนสัก และบนอำเภอเกาะสมุย

ศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ Vice President – Polyolefins and Vinyl Business ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ให้รายละเอียดถึงเม็ดพลาสติก PE112 ว่า เป็นเม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนคอมพาวนด์สีดำ มาตรฐานระดับโลก คิดค้นและผลิตด้วยเทคโนโลยีของเอสซีจีที่ได้รับการจดสิทธิบัตร สามารถทนแรงดันได้สูงขึ้นร้อยละ10 ด้วยวัสดุที่แข็งแรงกว่าเม็ดพลาสติก PE100 ที่ใช้ทั่วไปในตลาด

“ผลิตภัณฑ์ของเราถือเป็นรายแรกของโลกที่สามารถทนแรงดันได้ในระดับนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถ และความปลอดภัยให้กับโครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำที่มีข้อจำกัดในการติดตั้งและซ่อมแซม ทำให้ประชาชนบนเกาะสมุยมีน้ำสะอาดใช้อย่างทั่วถึง”

ข้อมูลโครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย

เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดของเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในช่วงฤดูแล้งได้อย่างยั่งยืน กปภ.จึงก่อสร้างระบบผลิตและวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำ ไปยังพื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี โดยผ่านอำเภอดอนสัก ของ จ.สุราษฏร์ธานี และอำเภอขนอม จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเดินท่อลอดใต้ทะเลไปยังอำเภอเกาะสมุย ด้วยงบประมาณกว่า 3,000    ล้านบาท

โครงการนี้สามารถรองรับผู้ใช้น้ำได้เพิ่มมากขึ้นอีก 64,000 ราย แยกเป็นพื้นที่จ่ายน้ำฝั่งสุราษฎร์ธานี 45,000 ราย ในอำเภอพุนพิน อำเภอเมือง อำเภอกาญจนดิษฐ์ และอำเภอดอนสัก และพื้นที่จ่ายน้ำบนอำเภอเกาะสมุย 18,900 ราย

ทั้งนี้ กปภ.ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยรามคำแหงให้ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนการดำเนินโครงการ ผลสำรวจแสดงผลว่าแนวท่อประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก และไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมเกิดความเสียหาย โดยการดำเนินงานดังกล่าว เมื่อแล้วเสร็จก็จะสามารถขยายพื้นที่การให้บริการน้ำประปาแก่ 3 อำเภอของ จ.สุราษฎร์ธานี และอีก 1 อำเภอ ของ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรองรับจำนวนประชากรและนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Previous articleสจล.ออกแบบป้ายรถเมล์อัจฉริยะเตือนภัยฝุ่น PM 2.5
Next article“คิงส์เมนฯ” ชูทำธุรกิจบนความยั่งยืน นำนวัตกรรมร่วมสร้างสมดุลให้สิ่งแวดล้อม