Apple ยังคงผูกเสี่ยวกับบริษัทสถาปนิก Foster + Partners อย่างต่อเนื่องในการดีไซน์โชว์รูม Apple Store ทั่วโลก ล่าสุดเพิ่งเปิด ‘Apple Union Square’ ในซานฟรานซิสโก เพื่อยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้าด้วยความพิเศษที่มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ Apple Store เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ 15 ปีที่แล้ว โดยสาขาแรก ๆ ตั้งอยู่ที่เมืองแม็คลีน รัฐเวอร์จีเนีย และเมืองเกลนเดล รัฐแคลิฟอร์เนีย สำหรับการเปิด Apple Union Square โชว์รูมใหม่ ในซานฟรานซิสโก ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
โดยบริษัทสถาปนิก Foster + Partners ขึ้นชื่อในเรื่องของการเสกสรรและบันดาลงานออกแบบให้มีความสวยงาม และมีความโดดเด่น ได้รับความไว้วางใจจาก Apple อย่างต่อเนื่อง ในการใช้บริการด้านการออกแบบ ซึ่งที่ผ่านมีการร่วมงานระหว่าง Apple และ Foster + Partners หลายต่อหลายครั้ว รวมไปถึง Campus ใหม่ในเมืองคูเปอร์ติโน ที่เป็นอาคารทรงกลมขนาดใหญ่คล้ายยานอวกาศ ก็เป็นผลงานของ Foster + Partners ด้วยเช่นกัน
สำหรับ Apple Union Square ตั้งอยู่บริเวณยูเนียนสแควร์ จัตุรัสที่เต็มไปด้วยสีสันของนครซานฟรานซิสโก การดีไซน์ทางเข้าของโชว์รูมเน้นสร้างความเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ภายในกับ ภายนอกอย่างแนบเนียน โดยเลือกใช้ประตูกระจกเลื่อนบานใหญ่ ทำให้โชว์รูมเปิดเชื่อมกับทิศเหนือของจัตุรัสพอดิบพอดี
การออกแบบโชว์รูมครั้งนี้ เป็นการร่วมงานกันระหว่างบริษัทสถาปนิก Foster + Partners และทีมดีไซเนอร์ของ Apple นำโดย Jonathan Ive (ผู้บริหารฝ่ายออกแบบ) และ Angela Ahrendts (รองประธานอาวุโส ฝ่ายร้านค้าปลีกและร้านค้าออนไลน์)
โชว์รูมใหม่แห่งนี้ เปรียบเป็นสวนอันเงียบสงบ มีโต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่ง ให้ผู้มาใช้บริการได้นั่งพักผ่อน ระหว่างการเข้ามาเลือกชมผลิตภัณฑ์ และฉีกรูปแบบออกมาให้ต่างจากร้านค้าทั่วไป โดยต้องการให้สามารถเป็นพื้นที่พบปะพูดคุยของผู้คนในชุมชนไปพร้อม ๆ กัน ขณะที่ภูมิทัศน์ภายนอก ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ยังทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเพลิดเพลินไปกับการนั่งชมวิวด้านนอกได้ด้วย นอกจากนี้ ร่มเงาที่ได้จากแนวต้นไม้สีเขียวที่ปลูกอยู่ด้านนอกอาคาร ยังสร้างความรู้สึกอันร่มเย็นและแสนสบาย เพราะตัวอาคารส่วนใหญ่ใช้กระจกเป็นวัสดุหลัก การมีต้นไม้สีเขียวจึงช่วยบาลานซ์และบรรเทาความจ้าของแดดภายนอกได้
และเพื่อเป็นการใช้ประโยชน์จากสภาพอากาศโดยทั่วไปของซานฟรานซิสโกอย่างสูงสุด จึงมีการติดตั้งประตูกระจกบานเลือน ขนาด 6 เมตร เพื่อเปิดรับลมธรรมชาติเข้ามาสู่ภายในโชว์รูม นอกจากนี้ พลังงานที่ใช้ในโชว์รูม ยังเป็นพลังงานหมุนเวียน (renewable energy) 100% ซึ่งเป็นพลังงานที่ได้จากการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของโชว์รูม ซึ่งสามารถผลิตและแปลงความร้อนมาเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อใช้งานได้สูงสุดถึง 130%
Source: Designboom