“ไทคอน” เดินหน้าตามแผนโรดแมป 3 ปี เปิดเกมรุกขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Total Dimension ขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ ก้าวสู่การเป็น “ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อ
การอุตสาหกรรม” หรือ “The leading provider of smart industrial platform” ดึงเทคโนโลยีขั้นสูงมาต่อยอดทุกธุรกิจเต็มรูปแบบ จัดทัพครั้งใหญ่รับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล เพิ่ม 2 กลุ่มธุรกิจใหม่ “กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Centre) และ “กลุ่มสมาร์ทโซลูชั่น” (Smart Solution) เสริมกลุ่มเดิมที่มี “กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม” (Industrial Property) ชูแผนสยายปีกธุรกิจด้วยการจับมือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) ล่าสุดผนึก “จัสท์โค” (JustCo) ผู้ให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซระดับพรีเมี่ยมอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเสริมแกร่งธุรกิจ โดยก่อนหน้านี้ จัสท์โคได้ร่วมลงทุนมูลค่า 177 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับกองทุน
GIC ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ และบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีเครือข่ายธุรกิจอยู่ทั่วโลก พร้อมกันนี้ ไทคอนยังได้เผยทิศทางการดำเนินงานต่อจากนี้ โดยจะเน้นต่อยอดธุรกิจบนแพลตฟอร์มแบบผสมผสาน (Integrated Platform) ของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ เพื่อนำเสนออาคาร บริการและโซลูชั่นที่ตอบความต้องการตลาดและตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และขยายธุรกิจสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ทะยานสู่ผู้นำอันดับหนึ่งในระดับอาเซียนภายในปี 2563

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รูปแบบธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกกำลังถูกดิจิทัล ดิสรัปชั่น (Digital Disruption) ซึ่งเกิดจากการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยภาครัฐได้มีการสนับสนุนนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ตลอดจนผลักดันให้ผู้ประกอบการและองค์กรชั้นนำหันมาใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจ ความร่วมมือแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับจัสท์โคนับเป็นโอกาสสำคัญของไทคอนในการพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจของตนให้ดียิ่งขึ้นผ่านบริการต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยเชื่อมั่นว่าด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับตลาดประเทศไทย ตลอดจนเครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่ของไทคอน จะส่งผลให้การร่วมทุนครั้งนี้สามารถเสริมแกร่งซึ่งกันและกัน และช่วยให้การเข้ามาดำเนินธุรกิจและขยายเครือข่ายของ
จัสท์โคในประเทศไทยเป็นไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”

นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ไทคอนมีความก้าวหน้าอย่างมากในการนำสมาร์ทโซลูชั่นมาผสานเข้าสู่แพลตฟอร์มธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการขยายธุรกิจตามแผนโรดแมป 3 ปี ที่จะขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ ล่าสุดประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ก้าวสู่การเป็น “ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม” หรือThe leading provider of smart industrial platform” โดยเน้นการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจเพื่อให้เกิดมูลค่าและประสิทธิภาพให้ธุรกิจทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเดิมที่เป็น “กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม” (Industrial Property) รวมถึงกลุ่มธุรกิจใหม่อย่าง “กลุ่มดาต้า
เซ็นเตอร์” (Data Centre) และ “กลุ่มสมาร์ทโซลูชั่น” (Smart Solution) ซึ่งจะดำเนินงานควบคู่ไปกับแนวทางการจับมือกับพันธมิตรชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อผนึกศักยภาพและนำมาเสริมธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

สำหรับแนวทางในการนำเทคโนโลยีมาเสริมศักยภาพให้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ มีดังนี้

  • กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม (Industrial Property) เดินหน้านำระบบออโตเมชั่น (Automation) เทคโนโลยีสมัยใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี มาพัฒนาพื้นที่ให้บริการให้สามารถรองรับ
    กลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve ในยุค 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ ก้าวสู่
    การเป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าและโรงงานอัจฉริยะ (Smart Logistics and Smart Factory) ทั้งยังอยู่ในรูปแบบของการพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืน มุ่งสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว
  • กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Centre) หลังจากได้ประกาศจับมือกับ “เอสทีที จีดีซี” (STT GDC) บริษัทชั้นนำ
    ด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จากสิงคโปร์ เพื่อรุกธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ล่าสุดเตรียมแผนเดินหน้านำเทคโนโลยี ความรู้ ความเชี่ยวชาญของทั้งสององค์กรมาใช้พัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่แห่งแรกบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งเป้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัย และปลอดภัย มาตรฐานระดับสากล รองรับความต้องการของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • กลุ่มสมาร์ทโซลูชั่น (Smart Solution) ประเดิมด้วยการผนึกพันธมิตร จัสท์โค (JustCo) ผู้ให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซ (Co-working space) ระดับพรีเมี่ยมอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสัดส่วนการลงทุน ไทคอน 51% จัสท์โค 49% ซึ่งจัสท์โคมีความเชี่ยวชาญ ทั้งด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เทคโนโลยีเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน และการบริหารจัดการกลุ่มลูกค้าสมาชิก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของไทคอนในการนำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า

ด้าน มร.คง วัน ซิง ผู้ก่อตั้งและประธานอำนวยการ จัสท์โค (JustCo) กล่าวว่า “ประเทศไทยนับเป็นตลาดที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจที่มีความพร้อมเหมาะแก่การลงทุน การร่วมมือกับไทคอน
ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ซึ่งอยู่ในกลุ่มทีซีซี จะทำให้เราสามารถเข้าถึงเครือข่ายใน
การดำเนินธุรกิจในแวดวงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดในประเทศไทย รวมถึงมีพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของเรา ซึ่งเมื่อนำมาผสานกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (
Data Analytics) เทคโนโลยีเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน (Workspace Technology) และการบริหารจัดการกลุ่มลูกค้าสมาชิก (Community Management) ความร่วมมือครั้งนี้จะเสริมส่งซึ่งกันและกัน และก่อตัวเป็นพลังทางธุรกิจครั้งใหม่ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของพันธมิตรทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซสาขาแรกของจัสท์โคในกรุงเทพฯ ไปแล้วที่ เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สาขาที่สองของเรากำลังจะเปิดตัวตามมาที่ แคปปิตอล ทาวเวอร์ ใน ออล ซีซั่นส์ เพลส ในเดือนกรกฎาคมนี้ เรามุ่งเน้นเปิดให้บริการในทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจ โดยทั้งสองแห่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสในระยะที่สามารถเดินถึงกันได้สะดวก เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าของเรา เราเชื่อมั่นในแนวทางของเราที่จะสร้างวงจรธุรกิจ (ecosystem) ซึ่งธุรกิจทุกขนาดสามารถเอื้อประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่กันและกันได้”

เกี่ยวกับ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม มุ่งมั่นพัฒนาและต่อยอดธุรกิจเพื่อตอบความต้องการของลูกค้าในโลกอุตสาหกรรม 4.0 ประกอบด้วยธุรกิจภายใต้การดำเนินงาน 3 กลุ่ม ได้แก่ “กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม” ดำเนินธุรกิจในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อ
การอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ปัจุบันมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้นกว่า 2.7 ล้านตารางเมตร บนทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์กว่า 50 แห่งทั่วประเทศ โรงงานและคลังสินค้าของกลุ่มบริษัทไทคอนมีทั้งแบบพร้อมใช้ (Ready-Built) และสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) โดยมีบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK เป็นบริษัทในกลุ่มที่เริ่มดำเนินธุรกิจพัฒนาโลจิสติกส์พาร์ครายแรกในประเทศไทย ขณะเดียวกันไทคอนเริ่มขยายธุรกิจการพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมในต่างประเทศ โดยในปี 2558 ไทคอนได้ขยายการลงทุนไปยังประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศแรก

“กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์” ซึ่งได้จับมือพันธมิตรระดับโลกอย่างเอสทีที จีดีซี บริษัทชั้นนำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จากสิงคโปร์ รุกตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย และ “กลุ่มสมาร์ทโซลูชั่น” ที่ผนึกพันธมิตรอย่างจัสท์โค ผู้ให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซอันดับหนึ่งจากประเทศสิงคโปร์ เพื่อเพิ่มการให้บริการแก่ลูกค้าของไทคอนอย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทไทคอนยังได้จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT) โดยมี บริษัท ไทคอน แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ TMAN เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ ปัจจุบัน TREIT เป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 32,000 ล้านบาท

เกี่ยวกับ เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้า เซนเตอร์ (เอสทีที จีดีซี)

บริษัท เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้า เซนเตอร์ หรือ เอสทีที จีดีซี (ST Telemedia Global Data Centres – STT GDC) คือ
ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์รวมกว่า 60 แห่งในประเทศต่างๆ ที่เป็นตลาดสำคัญทางธุรกิจ เช่น สิงคโปร์ จีน อินเดีย และสหราชอาณาจักร เป็นต้น เอสทีที จีดีซี ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่สร้างขึ้นตามมาตรฐานสูงสุดของอุตสาหกรรมนี้, มีโซลูชั่นด้านดาต้าเซ็นเตอร์ที่ครบถ้วนตั้งแต่ต้นจนจบและสามารถต่อขยายได้, การเชื่อมต่อ, รวมถึงบริการสนับสนุนต่างๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการเก็บข้อมูลของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต

เกี่ยวกับจัสท์โค (JustCo)

จัสท์โค คือผู้ให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซระดับพรีเมี่ยมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมี Strategic Investor ได้แก่ กองทุนความมั่งคั่งของประเทศสิงคโปร์ (GIC) และเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ดำเนินธุรกิจการให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซระดับพรีเมี่ยม ที่มีจุดเริ่มต้นจากไอเดียในการสร้างสรรค์พื้นที่การทำงานที่เปิดกว้าง เพื่อให้ผู้ใช้เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นและสนุกสนานในการทำงาน ปัจจุบันมีสาขาให้บริการแล้วในประเทศสิงคโปร์ จีนและไทย และมีแผนที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มโคเวิร์กกิ้งสเปซให้ครอบคลุมทั่วเอเชีย ทั้งอินโดนีเซีย เกาหลี เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย และออสเตรเลีย รวม 100 สาขา ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสิ้นปี 2563

Previous articleWhite – Smooth – Book Store – ร้านหนังสือสีขาวและเส้นสายแห่งโครงสร้าง
Next articleบ้านแฝดรามอินทรา ทำเลฮิต ตัวเลือกฮอต สำหรับคนรุ่นใหม่