ด้วยสภาวะอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างในปัจจุบัน ฉนวนกันความร้อนภายในอาคารจึงได้รับความนิยมและถูกนำมาใช้กับอาคารที่พักอาศัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตลาดวัสดุฉนวนกันความร้อนได้อานิสงส์ขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทุกแบรนด์ต่างงัดกลยุทธ์พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและตอบสนองการใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อแข่งขันชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกัน
บริษัท สยามไฟเบอร์กลาส จำกัด ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (SCG Cement-Building Materials) เป็นอีกหนึ่งบริษัทผู้ผลิตฉนวนกันความร้อนระดับคุณภาพ และเป็นผู้นำตลาดด้านฉนวนกันความร้อนระดับแนวหน้าของเมืองไทย ที่เจ้าของบ้านและเจ้าของโครงการต่างก็ให้การยอมรับ โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2534 ซึ่งได้ร่วมทุนระหว่าง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท OWENS CORNING ประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทชั้นนำทางด้านการผลิตฉนวนใยแก้ว ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันความร้อนและดูดซับเสียงได้ดี ด้วยการผลิตภายใต้เทคโนโลยีของโอเวนส์คอร์นนิ่ง ไฟเบอร์กลาสที่ควบคุมการผลิตด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้เส้นใยที่นุ่ม ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่นำวัสดุรีไซเคิลประเภทแก้วและกระจกมาหลอมละลายทดแทนการใช้ทรายในการผลิต จึงช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดปริมาณขยะจากขวดแก้วได้กว่าหลายพันตัน โดยปกติแล้วการใช้ทรายจะต้องใช้อุณหภูมิในการหลอมละลายสูงถึง 1,400-1,600 องศาเซลเซียส แต่แก้วจะใช้อุณหภูมิเพียง 1,200 องศาเซลเซียสเท่านั้น ดังนั้นจึงช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งด้วย ถือเป็นแนวคิด Green Product From Green Process อย่างแท้จริง
ด้วยเหตุนี้ ฉนวนกันความร้อนของ สยามไฟเบอร์กลาส จึงเป็นฉนวนกันความร้อนรายแรกที่ได้รับมาตรฐานรับรองฉลากเขียวจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และใบรับรองการใช้ฉลากคาร์บอนฟุตปริ้นท์ในฐานะผู้ผลิตฉนวนประเภทใยแก้ว จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ให้แก่ ฉนวนกันความร้อน ตราช้าง ‘STAY COOL’ สำหรับผนังตกแต่งรุ่น Cylence Zandera ซึ่งเป็นรายแรกและรายเดียวที่ให้ความสำคัญต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนการผลิต ที่ไม่เป็นพิษและปลอดภัยกับผู้บริโภค ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย นอกจากนี้ ยังมีรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายที่ได้รับ ซึ่งแสดงถึงการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ขอบข่ายการบริการ
สำหรับผลิตภัณฑ์ของสยามไฟเบอร์กลาส แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ซึ่งประกอบด้วย สินค้ากลุ่มแรก คือ กลุ่มงานโครงการ ซึ่งตลาดกลุ่มนี้จะเน้นงานก่อสร้างโครงการที่นำฉนวนกันความร้อนไปติดตั้งบนหลังคาและติดตั้งในระบบปรับอากาศเป็นหลัก ปัจจุบันตลาดกลุ่มนี้มีการเติบโตไม่มาก เนื่องจากผลกระทบทางสภาพเศรษฐกิจ และมีสินค้าทดแทนประเภทอื่นๆ เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาด รวมทั้งงานโครงการก่อสร้างที่เกิดใหม่ก็มีจำนวนน้อยลง
สำหรับสินค้ากลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่พักอาศัย ซึ่งยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยฉนวนกันความร้อนตราช้าง ‘STAY COOL’ ยังถือเป็นสินค้าเด่นที่สามารถทำยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นจึงทำให้คนหันมาใช้ฉนวนกันความร้อนปูบนหลังคากันมากขึ้น ผนวกกับตลาดกลุ่มโครงการบ้านจัดสรรมีเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ตลาดฉนวนกันความร้อนมียอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมากขึ้น ส่วนสินค้ากลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องไปตามสภาพเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ สยามไฟเบอร์กลาสยังมีสินค้าในกลุ่มของงานอะคูสติก อย่างเช่น ฉนวนกันเสียงและผนังกันเสียง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันงานปรับปรุงระบบอะคูสติกภายในอาคารเริ่มมีมากขึ้น อาทิ ห้องประชุม สัมมนา โฮมเธียร์เตอร์ เป็นต้น โดยล่าสุด สยามไฟเบอร์กลาสยังได้รับงานติดตั้งฉนวนกันเสียงภายในศาลาวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเรื่องการใช้เสียงให้กับทางวัด ด้วยที่ดินภายในวัดมีพื้นที่กว่า 12 ไร่ จึงทำให้การควบคุมการใช้เสียงค่อนข้างลำบาก นี่จึงนับได้ว่าเป็นโครงการเด่นที่น่าสนใจของสยามไฟเบอร์กลาสในปีนี้ก็ว่าได้
กลยุทธ์การตลาด
ทั้งนี้ คุณสลิล กันตนฤมิตรกุล ผู้จัดการส่วนการตลาด ได้กล่าวถึงรายละเอียดของกลยุทธ์การตลาดด้วย
ว่า “นอกจากสยามไฟเบอร์กลาส จะมุ่งเน้นทำตลาดตามแบรนด์เอสซีจีเป็นหลัก เพื่อตอกย้ำแบรนด์คุณภาพและย้ำความเป็นผู้นำทางด้านตลาด สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์และคุณภาพสินค้าแล้ว ยังมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าระบบผนังเบาร่วมกับบริษัท สยามยิปซั่ม จำกัด เพื่อผลิตสินค้าด้านตกแต่งภายในสำหรับที่อยู่อาศัยเข้าสู่ตลาด และเป็นสินค้าทางเลือกให้กับลูกค้าอีกด้วย
รวมทั้งยังมุ่งเน้นทำตลาดฉนวนกันเสียงอะคูสติกและผลักดัน แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ออกสู่ตลาด เพื่อเป็นสินค้าทางเลือกทดแทนกันสาดแบบเดิม ๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นกันสาดเหล็กและกันสาดโพลีคาร์บอเนตที่ต่างก็มีจุดอ่อน อย่างเช่น ขึ้นสนิมง่าย หรือมีปัญหาเรื่องเชื้อรา หรือไม่แข็งแรงทนทาน เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ที่ถูกออกแบบขึ้นมาให้มีความแข็งแรง ทานทาน และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 ปีขึ้นไป ให้สีสันที่สวยงาม แปลกตา และมีสีให้เลือกหลากหลาย สีสดทนนานกว่า 5 ปี อีกทั้งยังติดตั้งง่าย นอกจากนี้ยังมีสินค้าประเภทอะคริลิก ชิงโคไรท์ ซึ่งให้ความสวยงามกว่าไว้เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้เลือกใช้ตามความต้องการอย่างหลากหลายและครบวงจร
ด้วยเหตุนี้เราจึงมุ่งเน้นสร้างผลงานและพัฒนาช่องทางการจำหน่ายของเราให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงและตอบสนองลูกค้าได้ยิ่งขึ้นพร้อมทั้งเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่พบเห็นมากขึ้นเพื่อตอกย้ำและสร้างการจดจำ เพื่อให้ลูกค้าเห็นประโยชน์ด้านการใช้งานและหันมาใช้สินค้าของเรามากขึ้น และยังเน้นผลักดันสินค้าฉนวนกันความร้อนตราช้าง ‘STAY COOL’ เข้าโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อาทิ โครงการบ้านของเอสซี แอสเสท, แสนสิริ และศุภาลัย เป็นต้น
ซึ่งในปัจจุบันเจ้าของโครงการนิยมใช้ฉนวนกันความร้อนในโครงการมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างจุดขาย ผนวกกับตอบสนองตามความต้องการของลูกค้า และเพื่อโอกาสในการแข่งขันด้วยการสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง เพราะบ้านเย็นกำลังได้รับความนิยมในตลาดที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งพบได้ว่าปัจจุบันอาคารสูงต่างก็หันมาใช้ฉนวนกันความร้อนมากขึ้น เช่น คอนโดมิเนียมของแอลพีเอ็น ก็มีการนำสินค้าฉนวนกันความร้อนของเรามาติดตั้งด้านบนอาคารเช่นกัน
นอกจากนี้ เรายังได้เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด แผ่นอะคูสติก ไซเลนซ์ (Cylence) ตราช้าง นวัตกรรมการตกแต่งผนังที่ช่วยเติมเต็มความสุขของการพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยผนึกรวมกับสีสันธรรมชาติของเส้นใยผ้าทั้ง 17 สี ที่กูรูผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากพาซาญ่า (PASAYA) นำมาร่วมถ่ายทอดไว้ในคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด Zandera Natura ที่จะช่วยเพิ่มระดับความทันสมัยให้ผนังดูสวยเฉียบจนยากที่จะละสายตา มาพร้อมด้วยคุณสมบัติที่ช่วยในการดูดซับเสียง ควบคุมเสียงสะท้อน และลดเสียงก้องที่เกิดจากภายนอกไม่ให้เข้ามาก่อกวนความรำคาญภายในห้อง เพื่อสร้างบรรยากาศการพักผ่อนที่สุนทรีย์ และตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตการพักอาศัยอย่างมีคุณภาพ
ทั้งนี้เรายังมุ่งเน้นให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาเรื่องของงานเสียงให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันกระแสการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนเริ่มมีการเรียกร้องมากขึ้น พนักงานเริ่มมีความตระหนักถึงเรื่องสุขภาพมากขึ้น และเจ้าของโรงงานเริ่มให้ความสำคัญโดยใส่ใจในเรื่องสุขภาพของพนักงานมากขึ้น ผนวกกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมเริ่มเอาจริงกับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เสียงดังเกินพิกัด ยิ่งทำให้เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมเริ่มหันมาใส่ใจและตระหนักเรื่องนี้กันมาก ด้วยเหตุนี้เราจึงจัดตั้งทีมวิศวกรด้านเสียงขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาและให้คำปรึกษาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยเราเน้นให้บริการตั้งแต่การดีไซน์ให้ลูกค้าไปจนจบกระบวนการ พร้อมทั้งรับประกันเรื่องของเสียงอีกด้วย”
สำหรับผู้ต้องการสร้างสรรค์เทรนด์ดีไซน์ใหม่ ๆ ในการตกแต่งผนังให้แตกต่างอย่างมีสไตล์ สามารถขอรับตัวอย่าง วัสดุอะคูสติก ไซเลนซ์ (Cylence) ตราช้าง หรือติดต่อขอรับบริการคำปรึกษาการตกแต่งได้ที่ Contact Center โทร. 02-586-2222
นิตยสาร Builder Vol.35 SEPTEMBER 2016