จากกรณีมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงการออกแบบอาคารผู้โดยสาร 2 ของกลุ่มนายดวงฤทธิ์ บุนนาค ที่ได้รับการคัดเลือก แม้จะไม่ชนะการประกวด แต่ยังคงมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีการออกแบบว่ามีความคล้ายกับงานออกแบบของสถาปนิกชาวญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 นายดวงฤทธ์ บุนนาค นักออกแบบและสถาปนิกชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงในกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ( Duangrit Bunnag ) ได้ความว่า ขอให้จบกันวันนี้นะครับ จากจุดนี้ไปถ้ายังมีการกล่าวหาอะไรกันทางวิชาชีพที่ไม่มูลความจริงอีก จะไม่ละเว้น โดยมีข้อความระบุชี้แจงว่า

…………………………………………………………………………………………………………..

ปัจฉิมบท ขออนุญาตจัดการทุกประเด็นเลื่อนลอยให้จบในสเตตัสเดียวนะครับ
1.ประเด็นเรื่องแบบลอก-ไม่ลอก ต้องเรียนตามความจริง (เพราะไม่รู้ว่าจะพูดให้เป็นแบบอื่นได้ยังไง) ว่าไม่ได้ลอกงานใครเลยครับ เนื่องจากนิสัยของสถาปนิกที่ทำงานด้วยมือและไม่ได้ทำงานด้วยปาก (หรือไม่ได้ทำงานบนแป้นพิมพ์) แบบผม การให้ผมลอกคนอื่นมันต้องคิดตามคนอื่น เรียนตรงๆว่ามันยากกว่าให้ผมทำเองเยอะ อึดอัดมากครับไม่สบายตัว น้องๆทุกคนที่ทำงานด้วยกันจะทราบความจริงข้อนี้ดี หลายครั้งน้องๆที่ทำงานด้วยแอบไปลอกงานคนอื่นมานำเสนอ ถ้าผมจับได้ก็จะรื้อแบบทิ้งทำใหม่หมด และอบรมสั่งสอนว่าไม่ต้องลอกคนอื่น ให้มาลอกงานเก่าๆของผมเองนี่แหละ สะดวกดี จะไปลอกงานคนอื่นให้เปลืองสมองทำไม เป็นคนที่ต่อต้านเรื่องนี้มาตลอดชีวิต คงไม่มาลอกงานคนอื่นเองให้เปลืองสมองหรอกครับ ประเด็นนี้แค่คิดยังไม่เคยแม้แต่จะคิดเลย
มีหลายครั้งเหมือนกันที่ลอกเอาภาษาสถาปัตยกรรม (architectural vocaburary) บางส่วนของสถาปนิกบางคนที่เราชอบนำมาใช้กับงานบางงานตอนสมัยที่ยังอายุน้อยกว่านี้ ต้องยอมรับว่าทุกคนต้องเคยทำในช่วงที่ภาษาของตัวเองยังไม่แข็งแรง แต่ช่วง 10 ปีหลังในการทำงานนี่ การหยิบยืมภาษาคนอื่นมาใช้น้อยมาก และไม่ได้เกิดขึ้นในโครงการนี้แน่นอนครับ
ถ้างานที่ทำไปแล้วมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำแล้วไปเหมือนงานคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง ก็ต้องเรียนว่าเคารพความเห็นทุกๆท่านครับและถ้ามีอะไรที่ปรับปรุงองค์ประกอบบางอย่างที่ทำให้สบายตาขึ้นและมีอัตตลักษณ์ที่แตกต่างออกไปได้ก็จะทำ เพราะนั่นเป็นความรับผิดชอบโดยตรงทางวิชาชีพครับ ไม่มีปัญหาอะไร เราเป็นมืออาชีพ ต้องรับฟังคำวิจารณ์ได้ แต่การออกมากล่าวหาว่า ‘ลอก’ นี่รุนแรงครับ เป็นการบอกว่าเรา ‘ลงมือ’ ลอกงานคนอื่น ต่างจากการบอกว่างานเราไป ‘เหมือน’ ใครซึ่งเป็นความเห็นมาจากฝั่งคนที่พูดที่ ‘เห็น’ ว่างานเราไปเหมือนใคร ถ้าจะเปรียบเทียบคงเหมือนกับไปกล่าวหาว่าเราไปฆ่าใครตาย จะบอกว่าเราฆ่าใครตายได้ก็ต้องมีการสืบสวนพิสูจน์เป็นขั้นเป็นตอนครับ คนที่จะวินิจฉัยว่างานสถาปัตยกรรมชิ้นนี้จะ สถาปนิกจะ ‘ลอก’ ใครมาได้หรือไม่นั้น พรบ.สถาปนิก และ กฎกระทรวงฉบับที่ 9 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าจะวินิจฉัยได้ก็ต้องเป็นระดับวุฒิสถาปนิกที่มีประสบการณ์เท่านั้น และถ้ามีข้อสงสัยว่าสถาปนิกคนใดอาจลอกงานผู้อื่น หรือแอบอ้างงานผู้อื่นมาเป็นของตน ก็สามารถส่งให้ทางสภาสถาปนิกตรวจสอบการปฏิบัติวิชาชีพของสถาปนิกผู้นั้นได้ตามข้อบังคับจรรยาบรรณ และใครก็ตามจะกล่าวหาว่าสถาปนิกผู้ใดลอกงานผู้ใดได้นั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการชี้ขาดมาโดยคณะกรรมการจรรยาบรรณ และกรรมการสภาสถาปนิกรับรองการตัดสินนั้นเท่านั้น
ดังนั้นการที่หลายคนออกมาด่าทอเสียดสีผมว่า ‘ลอก’ งานคนอื่นนั้น จึงไม่ชอบด้วยหลักการทางกฎหมายทั้งปวง ผมเองก็คิดว่าได้อดทนให้สนุกปากกันมาระยะหนึ่งแล้ว น่าจะพอสมควรกับเวลา จากจุดนี้ไปหากใครออกมากล่าวหาผมอีกว่าผม ‘ลอก’ งานใครโดยที่ยังไม่มีการตัดสินชี้ขาด หรือไม่ได้มีการวิเคราะห์อ้างอิงในทางวิชาการโดยวุฒิสถาปนิก และเป็นการกล่าวหากันเลื่อนลอยอย่างสนุกปาก ผมก็จะขออนุญาตดำเนินการตามกฎหมายโดยสมควรต่อไปนะครับ
2.เรื่องงานออกแบบด้วยไม้แล้วจะเป็นอันตรายจากเพลิงไหม้ ไม่ผ่านตามหลักเกณฑ์สากลมาตรฐาน NFPA (National Fire Protection Assiciation) ประเด็นนี้คนที่เปิดประเด็นคือทาง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท) ซึ่งเป็นการออกมาแสดงความเห็นทางวิชาการที่เป็นเท็จโดยการอ้างถึงมาตรฐาน NFPA แต่มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน การใช้ไม้หรือวัสดุใดๆในอาคารสาธารณะสามารถทำได้ตามข้อกำหนดของค่าการลามไฟ (Flame Spread) อยู่ที่ Class B (FSI 26-75) และมีการอ้างอิงจาก NFPA สำหรับการออกแบบงานโครงสร้างไม้ที่สามารถกันการลามไฟได้ในเอกสารของ NFPA อีกหลายฉบับ (ดู link ด้านล่าง) ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าการแสดงความเห็นดังกล่าวของ วสท.นั้น ผู้พูดอาจขาดความรู้ความสามารถในการแสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าว ซึ่งก็น่าประหลาดใจ เพราะว่าไม่ใช่การแสดงความเห็นส่วนตัว เป็นการแสดงความเห็นทางวิชาชีพจาก วสท. ซึ่งควรจะมีการไตร่ตรอง วิเคราะห์สืบค้นข้อมูลตามกระบวนการทางหลักวิชาชีพอย่างถูกต้องจากสมาชิกที่มีอยู่นับแสนคน ก่อนที่จะออกมาให้ความเห็นดังกล่าว ผมคิดว่าประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องทางวิชาชีพที่เราควรจะสร้างมาตรฐานทางวิชาชีพที่ดีขึ้น และไม่ควรจะปล่อยไว้ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ถูกต้อง จึงได้ปรึกษากับที่ปรึกษาทางกฎหมายไปแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมายอยู่ในขณะนี้
3.ประเด็นที่กล่าวหาว่าผมมีส่วนรู้เห็นหรือดำเนินการทุจริตในการประกวดแบบ โดยมีส่วนในการดำเนินการใดๆเกี่ยวกับเอกสารของผู้ที่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง จนมีผลให้ขาดคุณสมบัติในการเสนองานโดยมีเพื่อนผมที่เป็นเจ้าหน้าที่ของทอท.มีส่วนช่วยเหลือในการทุจริตนั้น ผมคิดว่าในประเด็นนี้ การตัดสินใจของศาลปกครองที่ไม่ออกคำสั่งคุ้มครองการประกวดแบบ ก็น่าจะเป็นการบอกโดยนัยว่าการกล่าวหานั้นไม่มีมูลมากพอที่จะบอกว่าความผิดนั้นเกิดขึ้นจริงอย่างชัดเจนได้ และจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลต่อไป ดังนั้น ในประเด็นนี้ผมจะขอสงวนการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้จนกว่าการตัดสินของศาลปกครองจะเป็นที่ยุติ และผมคิดว่าเพื่อเป็นการเคารพการดำเนินงานของศาลในคดีที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาแล้วนั้น ทุกท่านที่ออกมาโจมตีผมในเรื่องนี้ ก็ควรจะดำเนินการหยุดกล่าวหาเรื่องนี้โดยปราศจากหลักฐานเช่นกัน มิฉะนั้นเมื่อมีคำตัดสินของศาลออกมาอย่างชัดเจน ผมก็จำเป็นจะต้องดำเนินการทางกฎหมายโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
การกล่าวโทษฟ้องร้องในคดีนี้ แม้จะเป็นคดีหมิ่นประมาทปรกติ แต่ทางที่ปรึกษาทางกฎหมายผมได้พิจารณาแล้วให้ความเห็นว่า เนื่องจากการหมิ่นประมาทในลักษณะนี้ เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงที่ผมมีเป็นทุนเดิม รวมกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่ผมอาจไม่ได้รับงานออกแบบชิ้นนี้เนื่องจากการใส่ร้ายโจมตีที่ไม่มีหลักฐานนี้ ความเสียหายที่จะส่งฟ้องจะเป็นตัวเลขอย่างน้อยใกล้เคียงกับมูลค่าค่าแบบของโครงการที่ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ดังนั้น หากมีผู้หนึ่งผู้ใด หรือสื่อมวลชนใด หรือสื่อออนไลน์ใดๆที่ยังกล่าวหาผมในประเด็นนี้ หรือที่ได้กล่าวหาไปแล้ว ผมก็มีความจำเป็นต้องดำเนินทางทางกฎหมายตามคำแนะนำของที่ปรึกษาทางกฎหมายไปตามขั้นตอนต่อไป
4.ในเรื่องที่มีสถาปนิกอาวุโสบางท่าน ออกมาพูดถึงความไม่ถูกต้องในการดำเนินการของทอท.ด้านผังแม่บทโดยมีการกล่าวอ้างเรื่องผังแม่บทเดิมที่ทำไว้เมื่อ 26 ปีก่อน และกล่าวหาทาง ทอท.ว่าในการดำเนินการจัดประกวดและวางแผนก่อสร้างอาคาร Terminal II นั้น ไม่ได้ทำไปตามผังแม่บทเดิมและจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศต่างๆมากมาย ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ทาง ทอท.จะออกมาชี้แจงเองในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งผมเองได้พูดคุยและทำความเข้าใจกับทาง ทอท. เป็นอย่างดีแล้ว ผมคงไม่ออกมาโต้ตอบตรงนั้นในวาระนี้ แต่ผมพิจารณาเรื่องนี้ในทางวิชาชีพแล้ว เห็นว่ามีเรื่องที่ไม่ถูกต้องจากมุมมองของวิชาชีพที่ผมต้องออกมาท้วงติง 2-3 เรื่องด้วยกัน
เรื่องแรก การที่สถาปนิกอาวุโสท่านแรกออกมากล่าวถึงผังแม่บทของโครงการสุวรรณภูมิ ในฐานะผู้ออกแบบนั้น ตามข้อบังคับจรรยาบรรณหมวดที่ 3 ข้อ 16 กำหนดไว้ชัดเจนว่าสถาปนิกท่านใดจะออกมาเปิดเผยรายละเอียดของงานที่ได้มีการรับจ้างจากผู้ว่าจ้างนั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบและผู้ว่าจ้างต้องอนุญาตก่อนเสมอ ดังนั้น แม้ว่าการออกมาแสดงความเห็นของท่านจะเป็นความหวังดีต่อประเทศชาติ และเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่ก็ต้องเป็นไปตามข้อบังคับของวิชาชีพที่กำหนดไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าทาง ทอท.ในฐานะผู้ว่าจ้างและเป็นผู้ได้รับความเสียหาย ควรจะเป็นผู้ทำเรื่องร้องไปที่คณะกรรมการจรรยาบรรณต่อไป
ถ้าสถาปนิกอาวุโสท่านนั้น ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบผังแม่บทดังกล่าว แต่ออกมาแสดงตนให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบงานนั้นๆ ก็จะผิดข้อบังคับจรรยาบรรณ หมวด 2 ข้อ 12 ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องมีผู้เสนอเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการจรรยาบรรณอีกครั้งหนึ่งเพื่อพิสูจน์ความผิดตามข้อบังคับดังกล่าว ซึ่งใครก็ตามที่คิดว่าได้รับความเสียหายจากการกล่าวอ้างนั้น ก็สามารถร้องเรียนไปได้ที่คณะกรรมการจรรยาบรรณทันที
เรื่องที่สอง ในประเด็นเดียวกัน ก็ได้มีสถาปนิกรุ่นพี่ของเราอีกท่านหนึ่ง อ้างว่ามีข้อมูลเรื่องผังแม่บทของโครงการและนำเสนอข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับผังแม่บทรวมทั้งนำเสนอการวิเคราะห์ในแง่มุมต่างๆในเชิงสถาปัตยกรรม เพื่อจะโจมตีการดำเนินงานในการออกแบบก่อสร้างอาคาร Terminal II ว่าไม่เป็นไปตามผังแม่บทเดิม และจะก่อให้เกิดความเสียหายต่างๆมากมาย ตั้งแต่ระดับของการพัฒนาโครงการไปจนถึงระดับชาติ ผมได้พยายามเข้าไปหาข้อมูลจากการออกมากล่าวอ้างของสถาปนิกท่านนี้อย่างละเอียดผ่านหน้า Facebook และในการออกมาบรรยายต่างๆ ก็ไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนว่าท่านไปได้ข้อมูลนี้มาจากที่ใด เชื่อถือได้หรือไม่ เป็นข้อมูลจริงหรือไม่ ซึ่งผู้ที่จะสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องได้ก็น่าจะมีเพียงสถาปนิกผู้ที่ออกแบบผังแม่บท และทาง ทอท. เท่านั้น สิ่งที่พอจะสืบค้นได้ เป็นเพียงเอกสารที่ท่านสถาปนิกท่านนี้อ้างว่า ‘ได้รับมา’ หรือ ‘มีคนส่งมาให้’ โดยที่ระบุแหล่งที่มาไม่ได้ ผมคิดว่าในทางวิชาการแล้วมีความน่าเป็นห่วงมากว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นเชื่อถือได้แค่ไหน เพราะผมได้ลองอ่านสิ่งที่ท่านนำเสนอแล้วนั้น มีความคลาดเคลื่อนจากข้อมูลที่ผมได้รับจากทางทอท.อยู่มากมายหลายประการทีเดียว ทำให้การวิเคราะห์ของท่านในประเด็นต่างๆไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงเลย เช่น จำนวนของการประมาณขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารตามผังแม่บทเดิมที่ 120 ล้านคนต่อปีนั้น ตัวเลขได้ถูกปรับใหม่เป็น 150 ล้านคนต่อปีเมื่อก่อสร้างเต็มผังแม่บท ซึ่งทำให้ข้อเรียกร้องให้ออกมาสร้างอาคารเฉพาะตามผังแม่บทเดิมจึงไม่สมเหตุสมผล เป็นต้น ด้วยเหตุเหล่านี้ ผมจึงคิดว่า เพื่อเป็นการรับผิดชอบในการนำเสนอข้อมูลให้กับสาธารณะในเชิงวิชาการ ท่านสถาปนิกรุ่นพี่ของเราท่านนี้ ควรจะทำให้ชัดเจนถึงแหล่งที่มาของข้อมูลที่เชื่อถือได้ และพูดถึงข้อมูลที่เป็นข้อมูลจริงที่ได้รับจากทอท.เท่านั้น ผมคิดว่าท่านมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินงานของทางทอท.ในทางวิชาการได้ตามกฎหมาย แต่ก็ควรจะกระทำอย่างถูกต้องบนพื้นฐานข้อมูลที่เป็นจริง และกระทำการวิเคราะห์ต่างๆบนองค์ความรู้และด้วยความสามารถที่มีอย่างแท้จริง อย่ามั่ว อย่าเดา อย่าคิดเอาเอง เพราะการกระทำของท่านที่ไม่มีความรับผิดชอบในเชิงวิชาการเช่นนั้น ย่อมทำให้วิชาชีพเสื่อมเสีย และเป็นที่ดูถูกดูแคลนของผู้ที่ทราบซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องที่ท่านออกมาแสดงความเห็นเหล่านั้น
เรื่องรุ่นพี่รุ่นน้อง ผมมีความเคารพครับ แต่นี่เป็นเรื่องหลักการของวิชาชีพ เราต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมาครับ
ผมเข้าใจดีครับ ว่าไม่ได้มีคนที่ชอบผมมากนักในสังคมสถาปนิกในประเทศไทย หลายคนหมั่นไส้ และไม่พอใจที่ผมชนะการประกวดแบบครั้งนี้อย่างรุนแรงมาก รวมทั้งอาจเป็นการที่ผมไปทำลายระบบประเพณีอะไรหลายๆอย่าง ที่บริษัทสถาปนิกใหญ่หลายบริษัทมีข้อตกลงร่วมกันมาก่อนหน้านี้ และอาจทำให้บางบริษัทต้องผิดหวังจากสิ่งที่คาดหวัง การออกมาด่าทอ เสียดสี กระทบกระทั่งผมใดๆ ผมเข้าใจปฏิกริยาเหล่านั้นดีครับ และทำความเข้าใจกับมันทุกๆวัน และอดทนให้อภัยได้ แต่ผมคิดว่าเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง เพียงเพื่อจะเอาชนะกันในทางธุรกิจแล้วต้องออกมาทำลายหลักการของจรรยาบรรณทางวิชาชีพ วิชาการ หรือแม้กระทั่งการเข้าไปล้ำเส้นของศีลธรรมและจริยธรรมอันดี จุดนี้มันเริ่มจะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียให้แก่วิชาชีพและสาธารณะจนเลยขอบเขตของเรื่องส่วนบุคคลไปแล้วครับ ผมจึงขอให้รุ่นพี่ทุกๆท่านที่ออกมาขยี้ผมกันอย่างไม่ลืมหูลืมตากันในตอนนี้ ได้กลับมาตระหนักถึงความจริงข้อนึงที่ว่า สุดท้ายพวกเราก็ตายกันหมดทุกคนครับ และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ พวกพี่ๆทุกท่านก็จะตายก่อนผมเกือบหมดทุกคน อย่าทิ้งสังคมวิชาชีพของเราไว้ให้คนรุ่นหลังเราในสภาพนี้เลยครับ ช่วยกันทำให้มันดีที่สุดก่อนที่ท่านจะตายกันดีกว่า หยุดพูดเรื่องเท็จ สาดโคลน ปั้นน้ำเป็นตัว โกหก สร้างความขัดแย้งต่างๆเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ผมเป็นคนตรงไปตรงมาและพวกท่านเองก็คงจะรู้อยู่แก่ใจว่าการประกวดแบบครั้งนี้นั้น ทุกขั้นตอนดำเนินไปอย่างโปร่งใส และการที่ผมชนะก็ชนะอย่างขาวสะอาดบริสุทธิ์ อาจจะสะอาดที่สุดสำหรับงานราชการขนาดใหญ่ตั้งแต่มีวิชาชีพสถาปัตยกรรมในประเทศไทยเสียด้วยซ้ำให้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับวิชาชีพนี้สำหรับคนรุ่นหลังในยุคต่อไปเถอะครับ วิธีที่ท่านทำมาไม่ว่ามันจะถูกหรือผิดอย่างไร มันก็จะตายไปพร้อมกับท่านนั่นแหละ ถึงจุดนี้ท่านต้องอนุญาตให้คนในยุคใหม่เขาได้สร้างวิชาชีพนี้ในวิธีของเขา เลิกควบคุมวิชาชีพนี้ในวิธีที่คำนึงแต่ถึงประโยชน์ตนเสียที มรดกทางวิชาชีพนี้จะได้สืบทอดไปข้างหน้าได้อย่างมีอนาคตครับ
ความเลอะเทอะ เลื่อนลอยในทุกประเด็นเรื่องสนามบินนี่ ผมขอให้จบกันวันนี้นะครับ จากจุดนี้ไปถ้ายังมีการกล่าวหาอะไรกันทางวิชาชีพที่ไม่มูลความจริงอีก ผมจะไม่ละเว้นกันแล้วนะครับ จะตอบโต้กันให้สุดทางละฮะ

 

ปัจฉิมบท ขออนุญาตจัดการทุกประเด็นเลื่อนลอยให้จบในสเตตัสเดียวนะครับ1.ประเด็นเรื่องแบบลอก-ไม่ลอก ต้องเรียนตามความจริง…

โพสต์โดย Duangrit Bunnag เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2018

Previous articleสภาในฝัน “สัปปายะสภาสถาน”
Next articleรัฐจับมือเอกชน ผนึกกำลังบูมถนนพระราม 4