หลังจากคลายล็อคดาวน์บางส่วนแล้ว หลายคนยังไม่สามารถมาทำงานได้ตามปกติ และยังคง Work From Home กันอยู่ไม่น้อยเลย ความเบื่อหน่ายที่สะสมเริ่มทำให้ผู้คนต้องหาทางออก การดูหนังถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนนิยมใช้คลายเครียดในเวลานี้ รวมถึงตัวผู้เขียนเองที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็ต้องใช้บริการสตรีมมิ่งดูหนังออนไลน์เป็นเพื่อนคลายเหงา
แต่การเลือกหนังดูสักเรื่อง เป็นอะไรที่ยากพอสมควรกับการใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงไปกับการรับชม หลายคนมีปัญหาคล้ายกันคือ ไม่รู้จะดูเรื่องอะไร เพราะกลัวว่าจะไม่สนุกแล้วทำให้เสียเวลา
วันนี้ผู้เขียนมีหนังมาแนะนำกันถึง 10 เรื่อง เป็นหนังที่เต็มไปด้วยการออกแบบภายในที่สวยงาม งานสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยม องค์ประกอบครบรส ทั้งคอสตูม เนื้อเรื่อง รวมถึงการกำกับภาพ เรียกว่า ถ้าดูตามนี้ ไม่ผิดหวังแน่นอน รับประกันได้เลยว่า ผนังสี่ด้านของคุณจะถูกทลายลง
The Grand Budapest Hotel, 2014 Dir. Wes Anderson
ถ้าใครที่ชอบดูหนังคงจะทราบถึงแนวทางการเล่าเรื่องของ Wes Anderson ที่เป็นเครื่องหมายการค้าเลยคือ สัดส่วนของภาพที่เป๊ะทุกช็อต ทุกอย่างถูกวางไว้กลางเฟรม งานคราฟท์อันเป็นเอกลักษณ์ผ่านคอสตูม งานเกรดสีที่ดูพาสเทลสดใสร่าเริง แพ็คนักแสดงชุดเดิมที่ไม่ว่าจะกี่เรื่อง ๆ ก็ต้องใช้บริการนักแสดงชุดนี้ รวมถึงพล็อตเรื่องแสนตลกร้ายที่มีเสน่ห์อย่างมาก
The Grand Budapest Hotel เล่าเหตุการณ์คดีฆาตกรรมในโรงแรมแห่งหนึ่ง (ซึ่งใช้ชื่อเดียวกับหนัง) ปกคลุมด้วยหิมะเป็นแบล็คกราวอันสวยงาม งานออกแบบภายในหนังต้องบอกว่า ยอดเยี่ยมอย่างมาก ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพสักเล็กน้อย พรมแดงที่ปูทั่วโรงแรม เสาและผนังหินอ่อน โคมไฟแชนเดอเลียร์ เฟอร์นิเจอร์งานเก่า ราวจับบันไดและระเบียงที่ทำด้วยทองเหลือง นอกจากงานออกแบบแล้วยังมีภาพสวย ๆ ของภูมิทัศน์โดยรอบของยุโรปตะวันออกเป็นฉากหลังด้วย มาพร้อมโทนสีสุดพาสเทลที่เป็นลายเซ็นต์ของ Wes Anderson ด้วย
คะแนนความน่าดู 8/10
คะแนนงานออกแบบ 10/10
Call Me by Your Name, 2017 Dir. Luca Guadagnino
หนังรักสุดโรแมนติกที่ดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อเดียวกันเขียนโดย André Aciman ว่าด้วยเรื่องความรักของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี และอาจารย์มหาวิทยาลัยวัย 24 จริง ๆ ตัวหนังเล่าเรื่องเพศที่สามได้อย่างเข้าใจ และเป็นความเข้าใจอย่างลึกซึ้งลงไปถึงแรงปรารถนา ความรู้สึก ความคิด ไปจนถึงการตบตีกันระหว่างความต้องการของสังคม และความต้องการของตัวเอง
ในแง่ของตัวเนื้อเรื่อง ถือว่าทำออกมาได้อย่างอบอุ่น ส่วนที่ชอบที่สุดคือ เราได้เห็นการเติบโตของตัวละครหลักอย่าง Elio จากเด็กหนุ่มเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัว เราเห็นถึงคำถามมากมายที่อยู่ในหัวของเอลิโอผ่านสีหน้า แววตา และการแสดงออก ซึ่งจุดนี้เป็นส่วนที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ เหมาะกับคนที่ชอบหนังรักโรแมนติก หรือหนังวัยรุ่นเป็นที่สุด
มุมสถาปัตยกรรมต้องบอกเลยว่าคุณจะได้เห็นงานออกแบบตึก บ้านเรือน และอาคารสไตล์อิตาลีในปี 1983 ที่ละเอียดอ่อนและงดงามอย่างมาก อาคารบ้านเรือนที่ดูเป็นชนบท ก็ทำออกมาได้อย่างสวยงาม เพราะทั้งหมดถ่ายทำจากสถานที่จริง มีบางส่วนที่ set up ขึ้นใหม่ นอกจากนี้ยังมีพร็อพอย่าง แผนที่โบราณ ภาพวาด หนังสือเก่า เครื่องแก้ว ถ้วยชามที่เป็นของโบราณไว้ใช้ประกอบฉาก ก็เป็นสิ่งที่มองแล้วสวยงามเพลินตาพอ ๆ กับความหล่อของ 2 นักแสดงนำเลย
อีกอย่างที่อยากจะบอกคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ คุณสยมภู มุกดีพร้อม ผู้กำกับภาพจากประเทศไทย ที่คว้ารางวัล Best Cinematography จากเวที Film Independent Spirit Awards 2018 และการันตีตัวหนังด้วยรางวัล Best Adapted Screenplay จากเวที Academy Awards หรือที่เรารู้จักกันในนาม Oscar นั่นเอง
คะแนนความน่าดู 8/10
คะแนนงานออกแบบ 8/10
The Favourite, 2018 Dir. Yorgos Lanthimos
The Favourite ว่าด้วยเรื่องราวในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ของสมเด็จพระราชินีแอนน์ ผู้ปกครองประเทศที่มีจิตไม่ค่อยปกตินัก และเลดี้ซาราสหายคนสนิท ด้วยการมาถึงของสาวใช้คนใหม่ที่มีแววว่าจะทำให้ราชินีพึงพอใจเธอเป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้มิตรภาพของเลดี้ซารากับราชินีมีอันต้องสั่นคลอน
หากเป็นเรื่องราวพระราชวังของประเทศอังกฤษแล้ว คงไม่ต้องพูดอะไรมากมายเกี่ยวกับงานสถาปัตยกรรม, งานออกแบบภายใน รวมถึงงานภูมิทัศน์ที่สวยงาม ไล่ตั้งแต่สวนโดยรอบ งานสถาปัตยกรรมที่ใช้ Hatfield House ใน Hertfordshire มาดัดแปลงเป็นพระราชวัง เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่แสดงถึงความโอ่อ่าตามฉบับในวัง และที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดคงเป็นงานออกแบบภายในที่ตกแต่งออกมาได้บรรยากาศของช่วงเวลานั้นได้อย่างตระการตา เช่น เตาผิง โคมไฟ ตู้ โต๊ะ เตียง กระเบื้อง ผนัง เชิงเทียน ชั้นวางหนังสือ รถม้า หน้าต่าง ภาพวาด และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังจัดเต็มทั้งทรงผมและเสื้อผ้า ที่เข้มข้นพอ ๆ กับบทหนังและการแสดงที่ต้องบอกว่ามีความเป็นละครไทยอยู่เนือง ๆ
เอาเป็นว่าหากใครชอบหนังสไตล์แย่งชิงแบบตลกร้ายที่สอดแทรกงานสถาปัตยกรรมอันสวยงาม ไม่ควรพลาดที่จะไปดูเรื่องนี้
คะแนนความน่าดู 7/10
คะแนนงานออกแบบ 10/10
Her, 2013 Dir. Spike Jonze
เชื่อว่าหากใครได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ต้องหลงรักในความโรแมนติกของ Theodore และซึมซับความเหงาแบบสุด ๆ เพราะหนังเรื่องนี้ขึ้นชื่อว่า สร้างมาเพื่อคนเหงาโดยเฉพาะและเมื่อคุณดูจบ คุณจะเหงายิ่งกว่าเดิม
Her เล่าเรื่องราวในอนาคตของ Theodore นักเขียนการ์ดอวยพร ที่กำลังอยู่ในระยะทำใจหลังจากแยกทางกับภรรยา ซึ่งทำให้เขากลายเป็นคนที่เหมือนซึมเศร้า เขาจึงซื้อระบบ AI ที่เพิ่งออกใหม่มาใช้ และนั่นทำให้เขาพบกับ “Samantha” OS ที่แม้เขาจะได้ยินเพียงแค่เสียง แต่ช่วงชีวิตที่เหงา ๆ ไม่นานก็เริ่มตกหลุมรักคอมพิวเตอร์เข้าให้แล้ว
ด้านงานสถาปัตยกรรมต้องบอกว่า สวยงามทุกมุมมอง ในแง่ของโลกในอนาคตถือว่าไม่ดูเวอร์เกินจริง งานออกแบบภายในต้องถือว่าลงตัวกับความเหงาได้อย่างยอดเยี่ยม ที่ชอบที่สุดคือฉากหลังที่เป็นทิวทัศน์ของลอสแองเจลิสผสมผสานกับความเป็นเซี่ยงไฮ้นิด ๆ รวมทั้งงานด้านเทคโนโลยีที่ทำออกมาได้ล้ำสมัยเอามาก ๆ ถือเป็นหนึ่งในหนังโรแมนติกไซไฟที่ควรดูเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ความสุดยอดของหนังอยู่ที่การแสดงอันยอดเยี่ยมของ Joaquin Phoenix ที่ตีบทคนเหงาได้อย่างน่าสงสารและเสียงของ Scarlett Johansson ที่ชวนหลงรักเอามากเลยทีเดียว
คะแนนความน่าดู 9/10
คะแนนงานออกแบบ 8/10
The Great Gatsby, 2013 Dir. Baz Luhrmann
ตามติดชีวิตเศรษฐีผู้ลึกลับที่ชื่นชอบการจัดปาร์ตี้และดนตรีแจ๊สอย่าง Jay Gatsby พร้อมเรื่องราวของหลาย ๆ ตัวละครที่เข้ามาพัวพันกันในช่วงเวลานั้น ๆ
ต้องยอมรับว่า The Great Gatsby เป็นหนังที่ละเมียดละไมกับทุกสิ่งทุกอย่างจริง ๆ ทั้งเพลงประกอบที่เต็มไปด้วยความสนุกจากดนตรีแจ๊สที่จัดมาอย่างเต็มอิ่ม ควบคู่ไปกับการเล่าภาพของมหานครนิวยอร์ค ในยุคที่เงินตรามีค่ามากกว่าศีลธรรม
ถึงแม้ว่าในแง่ของฉากหลังจะมีการใช้ CG เข้าช่วยบ้าง แต่ก็ทำให้งานสถาปัตยกรรมในหนังไม่ได้ลดความยิ่งใหญ่แต่อย่างใด ครบเครื่องในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่งานออกแบบคฤหาสน์สุดหรูหราที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความเฟื่องฟูของนิวยอร์คในช่วงปี ค.ศ. 1922 หรือจะเป็นฉากที่ตัวเอกของเรื่องฝ่าฝนเพื่อมาพบกับคนรักเก่าด้วยเนื้อตัวเปียกโฉก ประดับดอกไม้งามตาเต็มไปหมด การตกแต่งภายในของเรื่องนี้ทำออกมายอดเยี่ยม งานภูมิทัศน์ก็ทำออกมาได้อย่างสวยงามแม้จะเป็น CG ก็ทำออกมาได้เนียนตา
ยอดเยี่ยม วิจิตรตระการตา แถมตัวบทหนังเองยังดึงความดราม่าออกมาได้ชนิดที่บ้างคนถึงกับเสียน้ำตากันเลยทีเดียว
คะแนนความน่าดู 9.5/10
คะแนนงานออกแบบ 8.5/10
Crazy Rich Asians, 2018 Dir. Jon M. Chu
ถ้าดู The Great Gatsby แล้วชอบ ก็ไม่ควรพลาด Crazy Rich Asians เช่นกัน เป็นหนังที่ดัดแปลงจากนิยายขายดีชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องของศาสตราจารย์สาวชาวนิวยอร์คที่ต้องมาพบกับครอบครัวของแฟนเธอ แต่เรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นเมื่อเธอพบว่าแฟนของเธอเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ และแม่ที่ไม่ชอบเธอเอาเสียเลย
Crazy Rich Asians ใช้ฉากหลังเป็นคฤหาสน์ที่ตกแต่งได้ดูหรูหราเอามาก ๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็สมชื่อหนังเสียจริง ๆ ด้วยสไตล์หนังที่คล้ายกับ The Great Gatsby ที่ว่าด้วยเรื่องของคนรวย เพียงแต่หนังเรื่องนี้ใช้ช่วงเวลาที่เป็นปัจจุบันเลยทำให้ทุกอย่างดูเป็นเทคโนโลยีที่คนเข้าถึงได้ง่ายกว่า สถาปัตยกรรมและงานออกแบบภายในถือว่าทำออกมาได้สวยงามและหรูหราอีกด้วย เราจะได้ซึบซับวิถีคนรวยผ่านพระเอกของเรื่องอย่างแน่นอน
หากใครชอบดูหนังสไตล์โรแมนติกคอมเมดี้ก็ไม่ควรพลาด นอกจากเนื้อเรื่องสนุก ๆ สไตล์แม่ผัวลูกสะใภ้แล้ว ยังมีเรื่องของการแบ่งชนชั้นที่สะท้อนความเป็นจริงอันโหดร้ายในสังคมอีกด้วย
คะแนนความน่าดู 7/10
คะแนนงานออกแบบ 9/10
Nocturnal Animals, 2016 Dir. Tom Ford
ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้อาจจะดูยากไปสักนิดเพราะหนังเล่าเรื่องของ Susan แต่เป็น Susan ในสามเหตุการณ์ แบบสลับไปมา แบบแรกเป็น Susan ในปัจจุบัน แบบที่สองเป็นเรื่องในนิยายที่สามีเก่าแต่งและส่งมาให้อ่าน แบบที่สามเป็นเรื่องราวในอดีตของ Susan และสามีเก่าของเธอ
ด้านงานสถาปัตยกรรมและงานออกแบบ ถือว่าทำออกมาได้ดีเยี่ยม บ้านของ Susan แต่งตกในสไตล์โมเดิร์น โดดเด่นสุด ๆ ด้วยกระจกบานยักษ์ที่ครอบคลุมทั่วห้องนั่งเล่น ประตูทางเข้าบ้านที่ทำจากอลูมิเนียม ห้องทำงานที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หินอ่อนตัดกับผนังสีแดงได้อย่างลงตัว ห้องประชุมทรงกลมสีขาวที่ออกแบบได้สวยงาม สะดุดตาด้วยโซฟาสีขาวทั่วห้อง
ขอบอกเลยว่าหากใครชอบหนังแนวสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญ เล่าตัดสลับ ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด แถมนักแสดงก็ต้องบอกว่าคุณภาพเน้น ๆ ทั้ง Amy Adams และ Jake Gyllenhaal เรียกได้ว่าแค่ดูการแสดงอย่างเดียวก็คุ้มค่าแล้ว บทหนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม (แอบกระซิบว่ามีผลกระทบต่อจิตใจนิด ๆ)
คะแนนความน่าดู 9/10
คะแนนงานออกแบบ 7.5/10
American Psycho, 2000 Dir. Mary Harron
หนังแจ้งเกิดของพระเอกสุดหล่ออย่าง Christian Bale ที่ตีบทผู้บริหารโรคจิต เพียบพร้อมในทุก ๆ อย่าง และรสนิยมดีสุด ๆ จนคนอื่น ๆ อิจฉาเขา และสิ่งที่เขาชื่นชอบอีกอย่างหนึ่งคือการฆ่าผู้อื่นที่ดีกว่าเขา นั่นคือที่มาของ American Psycho ที่โด่งดังสุด ๆ ในปีนั้น
กลิ่นอายที่เป็นฉากหลังในปี 1980 ที่นิวยอร์คเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของงานออกแบบ แม้ว่าจะไม่ได้เห็นงานสถาปัตยกรรมสักเท่าไหร่ แต่การออกแบบภายในอพาร์ทเมนท์ของตัวเอก ก็เข้าใจถึงรสนิยมได้เลยว่าตัวเอกมีนิสัยอย่างไร ผนังสีขาวตัดกับชั้นวางของที่ทำจากเหล็ก เครื่องเสียงสเตอริโอ โปสเตอร์ขนาดใหญ่ กล้องโทรทรรศน์ เตียงนอน โต๊ะหัวเตียง ชุดครัวที่ทำจากเหล็กทั้งชุด ที่สำคัญคือ ชุดเก้าอี้จาก Mies van der Rohe ที่มีดีไซน์สวยงามมากในยุคนั้น
หนังนำเสนอการเสียดสีสังคมยุคทุนนิยมในโลกของธุรกิจ มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันในหมู่ของนักธุรกิจเพื่อการดำรงขีวิตและตำแหน่งขั้นสูงสุดของชีวิต เพื่อประโยชน์ของสังคม ค่านิยมเกี่ยวกับวัตถุนิยมที่เมื่อเห็นใครดีกว่าก็จะต้องหาทางที่ทำให้ตัวเองเด่นกว่า หนังตีแผ่แง่มุมนี้ออกมาได้ดีมาก ฉากที่เอาขวานจามเพื่อนก็ถูกยกเป็นฉากที่สยองขวัญเสียเหลือเกิน
คะแนนความน่าดู 9.5/10
คะแนนงานออกแบบ 8/10
A Clockwork Orange, 1971 Dir. Stanley Kubrick
หนังที่ถ่ายทอดปัญหาสังคมได้อย่างเหนือชั้น ถูกกล่าวขานกันมาอย่างยาวนานถึงความสยดสยองในฉาก “ดัดนิสัย” และติดอันดับ 1 ใน 100 หนังที่ควรดูก่อนตายด้วย (อ้างอิงจาก IMDb) ตัวหนังเล่าเรื่องราวของโลกอนาคตในประเทศอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายยุ่งเหยิง เต็มไปด้วยภัยสังคม เล่าถึงความป่าเถื่อนของ Alex และผองเพื่อน ชอบใช้ความรุนแรง ทำลายล้าง ทำร้ายผู้คน ไปจนถึงการลงมือฆาตรกรรม
หากใครที่ดูงานของ Kubrick บ่อย ๆ คงจะคุ้นชินกับการงานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์สุด ๆ สำหรับ A Clockwork Orange หลายฉากถ่ายทำในบ้านจริง ๆ อย่างบ้านที่ใช้ทำลายข้าวของ ก็เป็นงานออกแบบบ้านของ Hertfordshire property ชื่อว่า Skybreak หรือห้องพักในบ้านของตัว Alex เองก็ออกแบบได้เข้าใจถึงจิตสำนึกและนิสัยของผู้อาศัยเลย เป็นสัญญะแฝงที่ทำให้สไตล์หนังของ Kubrick โดดเด่นเอามาก ๆ นอกจากนี้ยังมีฉากดื่มนมในผับสุดเพี้ยน ฉากที่พูดถึงอย่างมากในช่วงนั้น ที่ใช้หุ่นผู้หญิงเป็นโต๊ะวางของ นอกจากงานภาพงานออกแบบจะเจ๋งแล้ว เพลงประกอบในหนังยังเลือกออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
เป็นเวลาเกือบ 50 ปีแล้ว หลังจากหนังเรื่องนี้ได้ฉาย แต่ยังคงมีความทันสมัย มีเนื้อเรื่องที่ไม่ว่าจะดูตอนไหน การเล่าเรื่องและการตัดต่อ รวมถึงประเด็นสังคม การเมือง ความรุนแรง ก็ยังคงเป็นปัจจุบันไม่ว่าคุณจะเปิดเรื่องนี้ดูในปีไหนก็ตาม นี่เป็นเหตุผลที่คุณควรจะดู A Clockwork Orange สักครั้งในชีวิต
คะแนนความน่าดู 10/10
คะแนนงานออกแบบ 9/10
Midsommar, 2019 Dir. Ari Aster
เรื่องสุดท้ายขอกล่าวก่อนว่ามีฉากรุนแรงแบบ 20+ เลย หากใครยังจำฉากเสาไฟฟ้าใน Hereditary ได้ น่าจะเข้าใจถึงความสยองขวัญที่ Ari Aster มอบให้ได้ คราวนี้เขากลับมาพร้อมกับความสยองรูปแบบใหม่ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความพาสเทลของโทนสี
Midsommar ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ไปเที่ยวในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่จัดพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเกิดขึ้นทุก ๆ 90 ปี ในช่วงพิธีกรรม พระอาทิตย์จะไม่ตกดินเลย ดินแดนแห่งนี้ดูเหมือนจะสดใส แต่เรื่องราวสุดแปลกประหลาดและชวนขนหัวลุก กำลังจะเกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งนี้
หนังเรื่องนี้อัดแน่นไปด้วยความงดงามด้านงาน Landscape ซึ่งจำลองหมู่บ้านเหล่านี้ได้สดใส เขียวขจี ด้านงานสถาปัตยกรรม กลุ่มอาคารต่าง ๆ ทำออกมาได้แปลกแต่สวยงามอย่างน่าประหลาดใจ ซุ้มประตูทางเข้าที่สวยงามกลับแฝงไปด้วยนัยยะที่บ่งบอกถึงเรื่องราวภายในหมู่บ้าน เรือนนอนที่แฝงไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่น่าสะพรึงกลัวแต่ก็ดูสวยงามในเวลาเดียวกัน โรงนาในหนังก็ได้รับการออกแบบในสไตล์โรงนาเก่า ๆ ของประเทศสวีเดน งานคอสตูมก็ทำออกมาได้น่ารักสดใส ขัดแย้งกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหนังเสียจริง
ดูตัวอย่างหนังแล้วก็อย่าพึ่งเชื่อทั้งหมดที่เห็น เพราะความสยดสยองถูกซ่อนไว้อย่างมากมาย ยังมีแบบฉบับ Director’s Cut ที่เพิ่มเวลามาอีก 45 นาที ที่สยองกว่าเดิม ขนลุกกว่าเดิมให้ชมกัน คอหนังโหดไม่ควรพลาด ผมเกริ่นนิด ๆ ว่า เปิดมาต้นเรื่องก็หลอนแล้ว
คะแนนความน่าดู 10/10
คะแนนงานออกแบบ 9.5/10
ทั้งหมดเป็น 10 เรื่องที่เข้มข้นทั้งบทหนัง จัดจ้านในด้านงานสถาปัตยกรรม งานออกแบบภายใน รวมถึงงาน Landscape ที่สำคัญคือหนังแต่ละเรื่องมีโทนหนังที่ต่างกันพอสมควร ยิ่ง 4 เรื่องท้ายนี้ ต้องบอกว่าสุดยอดมาก ๆ ใครที่ดูเรื่องไหนจบแล้วก็คอมเมนท์กันเข้ามาได้ว่าชื่นชอบเรื่องไหนเป็นพิเศษ หรือมีเรื่องอื่น ๆ นอกจากนี้ก็แบ่งปันกันได้ ในส่วนของคะแนนที่ผมให้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่ผมมีต่อหนัง หากไม่ตรงใจท่านใด ก็ต้องอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอให้สนุกกับการดูหนัง
ชวนดู 10 หนังจ๊าบ ที่ใช้งานสถาปัตย์ฯ
ในการเล่าเรื่องราวสุดเจ๋ง
อ้างอิงข้อมูลจาก
10 movies with striking interior design to watch under lockdown