ในช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังปรับตัวสู่การดำเนินชีวิตตามฐานวิถีชีวิตใหม่หรือนิว นอร์มัล ธุรกิจต่าง ๆ จึงต้องปรับแนวทางดำเนินธุรกิจด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมล้ำสมัยมาผสมผสานการออกแบบด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เน้นด้านสุขอนามัยแบบไร้สัมผัส (Touchless) และการรักษาความสะอาด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการภายในอาคารและผู้มาติดต่อ
หนึ่งในอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสที่ร่วมผลักดันเทรนด์ดังกล่าวคือ โครงการ The PARQ (เดอะปาร์ค) ซึ่งออกแบบพื้นที่เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล พร้อมตอบรับความต้องการของผู้เข้ามาใช้บริการ มุ่งสู่การเป็นออฟฟิศอัจฉริยะด้วยแนวคิดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังยกระดับคุณภาพภายในอาคารให้ปลอดภัยและดียิ่งขึ้นโดยนำเทคโนโลยีชั้นนำมาปรับใช้ควบคู่กับการพัฒนาโครงการหลากหลายด้าน ผสมผสานระหว่างคุณภาพ ความปลอดภัย และความสมดุลของการใช้ชีวิตอย่างลงตัว
โครงการมิกซ์ยูสแห่งนี้พัฒนาโดยบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริหารงานโดยบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบด้วย “เดอะ ปาร์ค เวิร์คเพลส” (The PARQ Workplace) อาคารสำนักงานเกรดเอบนพื้นที่ 60,000 ตารางเมตร พื้นที่สำนักงานต่อชั้นมากถึง 5,200 ตารางเมตร ซึ่งนับว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพดานสูงถึง 3 เมตร ปราศจากเสาภายใน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้เช่า และ “เดอะ ปาร์ค ไลฟ์” (The PARQ Life) พื้นที่ร้านค้าปลีกระดับพรีเมียม 12,000 ตารางเมตร ด้วยเอกลักษณ์ที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพมากมาย นอกจากนั้นพื้นที่มากกว่า 7,000 ตารางเมตรของโครงการยังถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่ง กระจายตัวอยู่ทั่วโครงการ ผสมผสานกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นนวัตกรรมล้ำสมัย และเทคโนโลยีชั้นเลิศที่ล้ำยุค ส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ผ่านการคิดอย่างพิถีพิถัน
เดอะ ปาร์ค เป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Pre-WELL Certification และมุ่งสู่การเป็นโครงการแห่งแรกของไทยที่จะได้รับมาตรฐานทั้ง WELL และ LEED Gold v4 ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดของอาคารสีเขียวภายใต้แนวคิดแห่งความยั่งยืน
สัมผัสประสบการณ์ความยั่งยืนที่เหนือกว่า
เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของ เดอะ ปาร์ค ในด้านการออกแบบที่สอดคล้องกับแนวคิดการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลังงาน จึงได้ติดตั้งกระจกอาคารสามชั้น นำแสงธรรมชาติเข้าถึงภายในอาคารได้มากถึง 75% ช่วยลดความร้อนมากถึง 25% พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ LED Panel ซึ่งประหยัดพลังงานได้มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับระบบไฟตามมาตรฐานทั่วไป
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการรักษาความสะอาดสูงสุดของพื้นที่ส่วนรวม โครงการ เดอะ ปาร์ค ยังได้นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ UVC ROBOT ฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสียูวี พร้อมติดตั้งระบบหมุนเวียนอากาศสูงกว่าระดับมาตรฐานสากลถึง 30% ตลอดจนระบบกรองอากาศสองชั้นเพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5 และ PM10 และยังติดตั้งหลอด UVC Emitters ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเปล่งรังสีที่มีความเข้มสูง สามารถกำจัดแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆ ที่ติดต่อผ่านทางอากาศ มอบคุณภาพอากาศบริสุทธิ์ในทุกพื้นที่ของอาคาร
เดอะปาร์ค แอปพลิเคชัน ที่สุดแห่งความอัจฉริยะ
ความมุ่งมั่นในการมอบเทคโนโลยีอันชาญฉลาดให้แก่ผู้ใช้บริการภายในอาคารนี้ ยังรวมถึงบริเวณ Q Garden บนพื้นที่ถึง 3,500 ตารางเมตร เชื่อมต่อระหว่าง เดอะ ปาร์ค เวิร์คเพลส และ เดอะ ปาร์ค ไลฟ์ ที่ได้ติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะ (SMART Pole) ซึ่งอยู่ในบริเวณ Q Garden และชั้นหนึ่งของอาคาร มอบการใช้งานพร้อมประโยชน์หลากหลายรูปแบบ นอกจากจะให้แสงสว่างแล้ว ยังติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย (CCTV) และมีระบบปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สาย (high-speed Wi-Fi) ที่จะเชื่อมต่อทุกการสื่อสารได้อย่างครอบคลุมทั่วบริเวณภายในและภายนอกอาคาร ทั้งยังเป็นเครื่องกระจายเสียงเพื่อสร้างสุนทรียภาพและความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้บริการอีกด้วย
โครงการเดอะ ปาร์ค เป็นอาคารแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเซียที่ใช้เทคโนโลยี ฟิลิปส์ สมาร์ท ไลท์ติ้ง (Philips SMART Lighting) ในส่วนของพื้นที่สำนักงาน ด้วยระบบเปิด-ปิดไฟอัจฉริยะ ช่วยให้การควบคุมแสงไฟภายในสำนักงานมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น โดยสามารถควบคุมระบบไฟภายในสำนักงานผ่าน เดอะ ปาร์ค แอปพลิเคชัน (The PARQ application) ทั้งยังสามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศได้ด้วยตนเอง เน้นการให้บริการแบบไร้สัมผัส (touchless)
เดอะ ปาร์ค แอปพลิเคชัน ยังมอบประสบการณ์ไร้สัมผัสที่สะดวกสบายให้แก่พนักงานในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ QR Code เฉพาะของแต่ละบุคคลสำหรับการเข้าออกภายในพื้นที่ส่วนต่างๆ ของโครงการ รวมถึงพื้นที่จอดรถ การใช้งานลิฟต์โดยสาร การเข้าสู่อาคารสำนักงาน นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจจับใบหน้าอัตโนมัติ (Facial recognition) สำหรับพนักงานในอาคาร เพื่อให้ผู้เช่ามั่นใจถึงความปลอดภัยผ่านระบบไร้สัมผัส
สำหรับผู้มาติดต่อทั้งในส่วนของ เดอะ ปาร์ค เวิร์คเพลสและเดอะปาร์ค ไลฟ์ จะได้รับประสบการณ์อันล้ำสมัย ปลอดภัยและถูกสุขอนามัย ด้วยระบบเทอร์โมสแกนตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และระบบ Smart Visitor Registration ในส่วนของเดอะ ปาร์ค เวิร์คเพลส เพื่อเป็นลดการสัมผัส ณ จุดต่างๆ พร้อมระบบบริการตัวเองซึ่งผู้มาติดต่อสามารถลงทะเบียนด้วยตนเองโดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางผ่านตู้ลงทะเบียนอัตโนมัติ (Self-registration kiosk) เพื่อรับ QR Code สำหรับการผ่านเข้า-ออก นอกจากนี้ พนักงานในอาคารยังสามารถสร้าง QR Code ให้แก่ผู้มาติดต่อได้ล่วงหน้าด้วยตัวเองผ่าน เดอะ ปาร์ค แอปพลิเคชัน เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือระดับไปอีกขั้น
ผู้มาติดต่อหรือผู้มาใช้บริการสามารถดาวน์โหลด เดอะ ปาร์ค แอปพลิเคชัน เพื่อใช้ QR Code ในการผ่านเข้า-ออกที่จอดรถ ในขณะที่ผู้เช่าหรือพนักงานในอาคารสามารถเข้าออกได้ทันที ด้วยเทคโนโลยีจดจำป้ายทะเบียนรถอันล้ำสมัย (license plate recognition) นอกจากนี้ ทางโครงการฯ ยังให้บริการสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้า (EV charging stations) เพื่อตอบรับเทรนด์ของยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
การผสมผสานอันโดดเด่นของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกับการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้บริการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะยกระดับการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตสู่ฐานวิถีชีวิตใหม่ จึงเป็นหัวใจหลักของโครงการ เดอะ ปาร์ค หนึ่งในพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมียมแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมระหว่างถนนพระรามสี่และถนนรัชดาภิเษก และติดกับรถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ปัจจุบัน เดอะ ปาร์ค เวิร์คเพลส เปิดให้บริการแล้ว ในขณะที่ เดอะ ปาร์ค ไลฟ์ มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 28 สิงหาคม 2563 นี้
รับชมวิดีโอ โครงการ เดอะ ปาร์ค ซึ่งออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล