การระบาดของโควิด –19 ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง ซึ่งการระบาดระลอกใหม่มีผลต่อรายได้ของประชาชนปรับลดลง ขณะที่ภาระหนี้ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ในวงกว้าง ภาครัฐจึงได้ดำเนินมาตรการบรรเทาภาระหนี้สินให้กับประชาชนต่อเนื่อง
ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานศาลยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมกับผู้ให้บริการทางการเงินหลายแห่ง ได้ร่วมกันจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ เพื่อเป็นช่องทางช่วยให้ลูกหนี้ได้รับข้อเสนอที่ผ่อนปรนและตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น ลูกหนี้ทุกสถานะ รวมถึงลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans: NPLs) ที่ได้เริ่มบังคับหลักประกันแล้ว สามารถเข้าร่วมไกล่เกลี่ยปัญหาที่มีกับเจ้าหนี้ได้ โดยครอบคลุมหนี้ 3 ประเภท คือ
1) หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน มีผู้ให้บริการทางการเงินเข้าร่วมแล้วถึง 26 แห่ง โดยลูกหนี้สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2564
2) หนี้ที่ไม่มีหลักประกันที่ถูกโอนขายไปบริษัทบริหารสินทรัพย์ โดยมี บบส. เข้าร่วมแล้ว 4 แห่ง และลูกหนี้สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2564
3) หนี้เช่าซื้อรถยนต์ มีผู้ให้บริการทางการเงินเข้าร่วมแล้วถึง 12 แห่ง โดยลูกหนี้สามารถลงทะเบียน ได้ตั้งแต่ วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2564
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ผ่านเว็บไซต์ของ ธปท. (www.bot.or.th หรือ www.1213.or.th) ผู้ให้บริการทางการเงินที่เข้าร่วมบริการ หรือติดต่อศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินเพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือในการกรอกข้อมูล โทร. 1213 ในวันเวลาราชการ หรือส่งอีเมลมาที่ [email protected] เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไป
นอกจากนี้มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 3 โดย ธปท.ร่วมกับผู้ให้บริการทางการเงิน ยกระดับมาตรการเดิมให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น มุ่งเน้นช่วยลดภาระหนี้ในระยะยาวมีทางเลือก มีความยืดหยุ่น และมีวิธีปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งจะครอบคลุมสินเชื่อ 4 ประเภท คือ
1) บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เน้นการบรรเทาภาระหนี้โดยขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้ยาวขึ้น กรณีเกินกว่า 48 งวด ให้ทบทวนอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าอัตราเพดาน ตั้งแต่งวดแรก ลดค่างวด และรวมหนี้กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น
2) สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีทางเลือกในการลดค่างวด หรือพักชำระค่างวด หรือรวมหนี้กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น โดยลูกหนี้จำนำทะเบียนรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงให้มีทางเลือกในการคืนรถ และหากมีภาระหนี้คงเหลือจากการขายประมูล ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถช่วยลดภาระหนี้ให้สอดคล้องกับสถานะของลูกหนี้
3) เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีทางเลือกในการลดค่างวดหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ โดยลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ให้มีทางเลือกในการพักชำระค่างวดหรือการคืนรถ รวมถึงให้คุมอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา (Effective Interest Rate: EIR) ไม่ให้สูงขึ้นกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิม นอกจากนี้ ให้รวมหนี้กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น และหากลูกหนี้สามารถชำระค่าเช่าซื้อคืนทั้งหมด ให้ลดดอกเบี้ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
4) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน เพิ่มทางเลือกด้วยการพักเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน และให้ลูกหนี้สามารถทยอยชำระคืนเป็นขั้นบันได (Step Up) ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
ทั้งนี้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบสามารถแจ้งความประสงค์รับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของผู้ให้บริการทางการเงิน
นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีนโยบายและโครงการอื่น ๆ ที่เป็นช่องทางในการช่วยบรรเทาภาระหนี้สินให้แก่ประชาชน เช่น โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ให้ข้อมูลและข้อแนะนำเกี่ยวกับการแก้ไขหนี้รายย่อยและธุรกิจ ทางด่วนแก้หนี้ ช่องทางเสริมสำหรับให้ประชาชนแจ้งขอความช่วยเหลือด้านการผ่อนชำระหนี้ โดย ธปท. จะส่งข้อมูลที่ได้รับไปยังผู้ให้บริการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
Source
TerraBKK