โรแมนติก คำที่ชวนให้นึกถึงเรื่องราวความรักที่ใครหลายๆ คนต้องการ เป็นเรื่องราวความรักสักเรื่องหรือหนังสักเรื่องที่มีฉากหรือบรรยากาศชวนอบอุ่นหัวใจ แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าความโรแมนติกนั้นไม่ใช่แค่นิยามเรื่องของความรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังหมายถึงศิลปะแบบหนึ่งที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่รู้
ศิลปะแบบโรแมนติกหรือแบบจินตนาการนิยม เกิดขึ้นในยุโรปตะวันตก ตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ต่อจากศิลปะแบบนีโอคลาสสิก โดยมากศิลปะในยุคนี้จะสะท้อนออกมาในงานภาพวาด ดนตรีและวรรณกรรมในด้านของงานสถาปัตยกรรม ลักษณะโรแมนติกไม่ได้ปรากฏแน่ชัดแต่ส่วนใหญ่จะปรากฏเป็นศิลปะแบบโกธิคซึ่งเคยเป็นที่นิยมในสมัยกลาง
สถาปัตยกรรมแนวโรแมนติกมีอยู่มากมายทั่วทุกมุมโลกทั้งมหาวิหาร พระราชวังต่างๆ วันนี้ BuilderNews ขอหยิบยก 3 สถาปัตยกรรมขึ้นชื่อจากสามประเทศมาให้ทุกคนได้ลองมารู้จักกับความโรแมนติกในแบบของสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามเหมือนหลุดมาจากเทพนิยาย
ปราสาท Neuschwanstein ประเทศเยอรมนี
เริ่มจากปราสาทนอยชวานสไตน์ที่เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอโกธิคที่แสดงให้เห็นถึงอุดมคติและความปรารถนาของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ว่าสิ่งก่อสร้างของปราสาทไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเป็นตัวแทนของราชวงศ์แต่เป็นสถานที่พักผ่อน การตกแต่งปราสาทเกิดจากแรงบันดาลใจฉากในตำนานยุคกลางและบทกวี รวมถึงตำนานอัศวินหงส์ Lohengrin
เพื่อให้สอดคล้องกับความโรแมนติก ต้นแบบของห้องบัลลังก์ 2 ชั้นจึงมาจากมหาวิหารไบแซนไทน์ มีดาวประดับบนเพดานโค้งสีน้ำเงินรองรับด้วยเสาพอร์ฟีรีสีแดง ภายในปราสาทประดับด้วยภาพวาดฝาผนังทั่วปราสาทแสดงถึงตำนานซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักร้องที่มีชื่อเสียง
ส่วนของภายนอกนั้นตัวของปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขา Pöllat Gorge ในเทือกเขาแอลป์ รอบปราสาทมีทางเดินและจุดชมวิวที่สร้างไว้เพื่อให้สามารถชมวิวทิวทัศน์ที่มีทั้งภูเขาและทะเลสาบเสริมสร้างบรรยากาศให้ดูโรแมนติกมากขึ้น
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่เรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมยุคที่เก่าแก่ที่สุดของเวียนนา ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้เป็นโบสถ์แม่ของอัครสังฆมณฑลโรมันคาทอลิกแห่งเวียนนาและเป็นที่ตั้งของอัครสังฆราชแห่งเวียนนาด้วยโครงสร้างของวิหารเป็นแบบโกธิคฮัลเลนเคียร์เช่ ซึ่งมีต้นกำเนิดในเยอรมัน เอกลักษณ์คือมีการตกแต่งภายในที่คล้ายกับโถงทางเดินขนาดมหึมา
หอคอยที่สูงที่สุดคือหอคอยทิศใต้ ห้องหอคอยซึ่งมีทิวทัศน์กว้างไกลสามารถมองเห็นได้ทั่วกรุงเวียนนา หอคอยทางทิศเหนือมีระฆังโบสถ์ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของยุโรปแขวนอยู่ซึ่งทุกคนรู้จักกันดีในชื่อพุมเมอริน หลังคาของมหาวิหารปูด้วยกระเบื้องหลากสีสันเพื่อสร้างนกอินทรีสองหัวของราชวงศ์และจักรพรรดิและตราแผ่นดินของเมืองเวียนนาและอีกสิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งก็คือยอดแหลมของอาสนวิหารซึ่งสร้างเสร็จในปี 1433 ที่ยังคงสูงเหนือเส้นขอบฟ้าของกรุงเวียนนา
เปนา พาเลซ (Pena National Palace) เมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส
ปราสาทแนวโรแมนติก ตั้งอยู่บนยอดเขาเหนือเมืองซินตรา เปนา พาเลซ เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโปรตุเกส สถาปัตยกรรมได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานระหว่างสไตล์นีโอเรอเนสซองส์ นีโออิสลาม นีโอมานูเอลีน และนีโอโกธิค รอบบริเวณของพระราชวังรายล้อมไปด้วยต้นไม้และพืชนำเข้ามากมายที่นำมาจากทั่วทุกมุมโลก การตกแต่งภายในราชวังได้รับการดัดแปลงเพื่อใช้เป็นที่ประทับฤดูร้อนของราชวงศ์ ผนังภายในใช้ศิลปะแบบ trompe-l’œil โดยเป็นการสร้างภาพลวงตาให้ดูเหมือนเป็นภาพสามมิติด้วยเทคนิคการวาดภาพเหมือนจริง พร้อมประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องหลากหลายลวดลายจากศตวรรษที่ 19
พระเจ้าเฟอร์ดินานต้องการตกแต่งพระราชวังให้คล้ายกับโรงละครโอเปราห์ แต่เพราะการผสมผสานกันของสถาปัตยกรรมทำให้พระราชวังแห่งนี้ประกอบด้วยศิลปะหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาคารโดมคล้ายกับสุเหร่าของอิสลาม หอนาฬิกาประจำวัง และสีสันที่แต่งแต้มที่เน้นเป็นการใช้สีแดงและสีเหลืองเป็นหลัก
จินตนาการนิยมแม้จะดูเหมือนเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่การแสดงออกอย่างเสรีทางอารมณ์ทำให้มนุษย์ได้พบกับสิ่งปลูกสร้างที่สร้างความสวยงามให้กับพื้นที่ได้จนถึงยุคปัจจุบัน สถานที่ถือเป็นองค์ประกอบของความรักที่จะช่วยสร้างบรรยากาศสวยงามให้คุณได้รู้สึกเหมือนกับว่าได้เป็นตัวเอกอยู่ในหนังรักสักเรื่อง แล้วในสักวันคุณจะพบกับสถานที่ที่เป็นความโรแมนติกสุดโปรดในแบบของคุณ
อ้างอิง:
Shloss Neuschwanstein : https://www.neuschwanstein.de/englisch/idea/index.htm
PENA PALACE: https://www.penapalacetickets.com/national-palace-of-pena-sintra/
VIENNA NOW FOREVER: https://www.wien.info/en/sightseeing/sights/st-stephens-cathedral-359690
ROMANTICISM: https://angiegroup.wordpress.com/2016/03/26/