สวิสเซอร์แลนด์ได้ฤกษ์เปิดใช้งานอุโมงค์ Gotthard Tunnel หลังจากก่อสร้างมายาวนานร่วม 17ปี โดยอุโมงค์ดังกล่าวเป็นเส้นทางรถไฟความเร็วสูงทะลุใต้เทือกเขาแอลป์ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จทางด้านงานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ของยุโรปในฐานะเส้นทางคมนาคมสำคัญ โดยมีความยาวทั้งสิ้น 57 กิโลเมตร และมีจุดทอดตัวลึกที่สุดมากถึง 550 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่งผลให้เป็นอุโมงค์ทางรถไฟที่ยาวและลึกที่สุดในโลกในขณะนี้
อุโมงค์ดังกล่าวได้รับการตั้งชื่อตาม ST. Gotthard ซึ่งเป็นนักบุญศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการบูชาจากกลุ่มพ่อค้านักเดินทางมาหลายยุคสมัย สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักของการก่อสร้างอุโมงค์ Gotthard เพื่อยกระดับการคมนาคมจากเมืองซูริคประเทศสวิซเซอร์แลนด์ไปยังเมืองมิลานประเทศอิตาลีให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น สร้างคุณประโยชน์หลายประการไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสินค้าไปจนถึงงานขนส่งมวลชน รองรับการเดินทางด้วยขบวนรถไฟความเร็วสูงวันละ 325 ขบวน โดยแบ่งเป็นรถไฟขนส่งสินค้า 260 ขบวน และรถไฟโดยสาร 65 ขบวน ด้วยความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้เวลาเดินทางลอดอุโมงค์ 17 นาที ส่งผลช่วยให้ประหยัดเวลาในการเดินทางไปได้ถึง 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
สำหรับโครงสร้างของอุโมงค์ Gotthard มีลักษณะเป็นอุโมงค์คู่ โดยแต่ละหนึ่งช่องทางมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8.5 เมตร ประกอบกับมีช่องระบายอากาศและช่องทางเดินเชื่อมต่อกันของทั้งสองอุโมงค์ตลอดเส้นทาง ส่วนการขุดเจาะอุโมงค์นั้นดำเนินขึ้นโดยใช้หัวขุดยักษ์ขนาดความยาว 410 เมตร เป็นเครื่องมือหลักรวมถึงการขุดด้วยระเบิดในบางส่วน เพื่อเปิดทางนำหินใต้ภูเขารวมกว่า 28 ตันออกมาจากอุโมงค์ และยังต้องใช้คอนกรีตในปริมาณมหาศาล 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ในการเชื่อมโครงสร้างให้แข็งแรง
ตลอดขั้นตอนของการก่อสร้างดำเนินขึ้นด้วยความยากลำบากเนื่องจากช่องอุโมงค์อยู่ใต้เทือกเขาที่มีความสูงเฉลี่ย 2,300 เมตร อีกทั้งอุณหภูมิใต้ภูเขาที่สูงทะลุ 50 องศาเซลเซียส ก็เป็นปัญหาอันส่งผลกระทบตลอดการทำงาน ทั้งนี้การก่อสร้างดำเนินขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 โดยใช้ทีมงานและวิศวกรผู้ชำนาญร่วม 2,600 ชีวิต จนงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและพร้อมเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา รวมระยะเวลาก่อสร้างนานกว่า 17 ปี บนมูลค่าการก่อสร้างจำนวน 12,300 ดอลล่าร์สหรัฐ
ทั้งนี้การเปิดใช้งานอุโมงค์ Gotthard อย่างเต็มรูปแบบ จะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมปลายปีนี้ นอกจากจะช่วยให้การเดินทางเต็มไปด้วยความสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศยุโรปได้อย่างมหาศาล เนื่องจากการขนส่งสินค้าด้วยรถไฟจะทำปริมาณได้มากถึง 377,000 ตัน ต่อวัน ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้รถบรรทุกแบกสินค้าวิ่งไปตามท้องถนนเลาะตามหุบเขาแบบเดิมๆ
source : designboom, bbc