“คริสตัล ลากูนส์” บริษัทนวัตกรรมชั้นสูง ผู้นำเทคโนโลยีก่อสร้างลากูนจำลองที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากประเทศชิลี มีโอกาสเข้ามายกระดับโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก จากความร่วมมือกับ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมน จำกัด ในการรังสรรค์โครงการสุดหรูหรา ภายใต้ชื่อ “มหาสมุทร คันทรีคลับ หัวหิน” ที่รายล้อมไปด้วยทะเลสาบแมนเมด สีฟ้าเทอควอยซ์สุดสดใส ซึ่งเกิดจากการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการก่อสร้าง
โครงการมหาสมุทร คันทรีคลับ ถูกพัฒนาเพื่อเป็นไพรเวทคันทรี่คลับระดับโลก ที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ทั้งด้านกีฬา สันทนาการ สุนทรียภาพความบันเทิง มอบความเป็นส่วนตัว และที่น่าตื่นตาที่สุดสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้ คือลากูนน้ำใสขนาดมหึมา บนพื้นที่ 45 ไร่ นับว่าเป็นโครงการก่อสร้างทะเลสาบแมนเมดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
เทคโนโลยีที่ใช้ในการก่อสร้างทะเลสาบแมนเมนนี้
เป็นเทคโนโลยีของ “คริสตัล ลากูนส์” บริษัทนวัตกรรมสัญชาติชิลี
ที่นำเสนอการพัฒนาลากูนน้ำใสเจ้าแรกและเจ้าเดียวของโลก
โดยเทคโนโลยีดังกล่าว ถือเป็นเทคโนโลยีสีเขียว
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
สามารถใช้และจัดการทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งด้านปริมาณน้ำที่ใช้ และพลังงานในการบริหารดูแลจัดการ
คุณไฮเม ริเวรา ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ คริสตัล ลากูนส์ เปิดเผยกับ Builder News ระหว่างลงพื้นที่ไซต์งานก่อสร้าง ที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า “คริสตัล ลากูนส์ สร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก สามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการต่าง ๆ ได้มากกว่ามูลค่าเดิมถึง 50% และสิ่งที่อยากเน้นย้ำคือ เทคโนโลยีของเรามีความยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน เพราะหากเทียบขนาดกับสระว่ายน้ำทั่วไป คริสตัล ลากูนส์ ใช้ปริมาณน้ำที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง หรือใช้น้ำน้อยกว่าการดูแลจัดการสนามกอล์ฟถึง 10 เท่า นอกจากนี้ ยังใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อหรือทำความสะอาด น้อยกว่าระบบสระว่ายน้ำปกติถึง 100 เท่า และใช้พลังงานเพียงแค่ 2% ของระบบการกรองน้ำแบบดั้งเดิม”
“สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้าง คริสตัล ลากูนส์ ภายในโครงการ มหาสมุทร คันทรีคลับ หัวหิน นับว่าเสร็จสมบูรณ์ 100% แล้ว เหลือแต่เพียงส่วนงานก่อสร้างวิลล่า หรือบ้านพักสุดหรู ซึ่งอยู่ในขอบเขตของ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมน จำกัด โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการสมาชิก หรือเจ้าของวิลล่า ได้ในช่วงกลางปี 2559 นี้”
ทั้งนี้ คริสตัล ลากูนส์ นับว่าได้รับการยอมรับในตลาดอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ และมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยตลอดระยะเวลาเพียง 7 ปี ที่มีการนำเสนอเทคโนโลยีนี้ มีกลุ่มนักลงทุนผู้สนใจพัฒนาลากูนน้ำใสแล้วมากถึง 300 โครงการทั่วโลก โดยในส่วนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คริสตัล ลากูนส์ ได้เริ่มเข้ามาก่อสร้างลากูนน้ำใสและเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทย ในโครงการ “มหาสมุทร คันทรี่ คลับ หัวหิน” และโครงการ “บินตัน เทรเชอร์ เบย์” ประเทศอินโดนีเซีย
“โครงการก่อสร้าง คริสตัล ลากูนส์ ที่ประเทศไทย กับอินโดนีเซีย มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่ประเทศไทยนั้น ก่อสร้างภายในโครงการอสังหาริมทรัพย์ส่วนบุคคล ที่เน้นการพักผ่อนบนทะเลสาบส่วนตัว ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถทำกิจกรรมทางน้ำได้ เช่นการลงเล่นน้ำ หรือการพายเรือ เป็นต้น ส่วนที่ประเทศอินโดนีเซียนั้น คริสตัล ลากูนส์ ก่อสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่รายรอบไปด้วยโรงแรม แบ่งออกเป็นหลายชายหาด และเน้นเพื่อการเล่นกีฬาทางน้ำเป็นหลัก อาทิ สกี คายัค ฯลฯ” คุณไฮเม ริเวรา กล่าวเสริม
นอกจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในการก่อสร้างทะเลสาบจำลองของ คริสตัล ลากูนส์ แล้ว ยังมีการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น ระบบการทำความเย็นวงจรปิดแบบยั่งยืน ซึ่งทำให้ลากูนขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสประดุจคริสตัลสามารถรักษาอุณหภูมิอุ่นไว้ได้ตลอดทั้งปี ด้วยการนำความร้อนส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากครัวเรือน ก๊าซเรือนกระจก หรือกระบวนการผลิตน้ำดื่ม ทำให้สามารถตั้งโรงไฟฟ้าห่างไกลจากบริเวณชายฝั่งได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่ติดริมทะเล
ด้วยแนวคิดอนุรักษ์ธรรมชาตินี้เอง ทำให้เทคโนโลยีของ คริสตัล ลากูนส์ ได้รับสิทธิบัตรจากสำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา ทั้งยังผ่านโครงการฟาสต์แทร็ก สำหรับเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะถือเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยสร้างเสริมและพลิกฟื้นสภาพแวดล้อมโลกให้ดีขึ้นนั่นเอง