Philippe Starck นักออกแบบชื่อดังชาวฝรั่งเศส ได้ร่วมงานกับเพื่อคู่หูสถาปนิก Arsène-Henry สร้างสรรค์ อาคารเก็บไวน์ สุดหรู ให้กับบริษัทผลิตไวน์ Château les Carmes Haut-Brion ในเมืองบอร์โด โดดเด่นด้วยลักษณะของอาคารที่คล้ายใบมีดปักลงไปในสระน้ำ ล้อมรอบด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงามเป็นธรรมชาติ ล้ำสมัยด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมให้ไวน์ออกมาเลิศรสที่สุด
เริ่มต้นที่บริษัทผู้ผลิตไวน์ชั้นนำในประเทศฝรั่งเศษอย่าง Château les Carmes Haut-Brion ได้วางแผนสร้างอาคารหมักและเก็บไวน์แห่งใหม่ที่เมือง บอร์โด ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมในระดับโลก จึงได้ทาบทามไปยัง Philippe Starck และ Arsène-Henry ในการออกแบบและก่อสร้าง อาคารเก็บไวน์ ดังกล่าว และผลออกมาก็ไม่ผิดหวังเพราะยอดอัจฉริยะทั้งสองคนก็ได้ออกแบบอาคารที่มีรูปลักษณ์สุดแปลกตา ดูโดดเด่น และมีความล้ำสมัย มีความกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้อย่างสง่างาม
เนื่องด้วยสถานที่ตั้งของอาคารเก็บไวน์แห่งนี้อยู่ใน พื้นที่สวนของ Château les Carmes Haut-Brion ซึ่งแทบจะอยู่ใจกลางของเมืองบอร์โด ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ชิ้นใหญ่ ว่าจะต้องออกแบบอย่างไร ให้ตัวอาคารมีสภาพแวดล้อมต่อการเก็บไวน์มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ทางทีมผู้ออกแบบจึงได้เลือกสร้างอาคารอยู่ใจกลางสระน้ำที่ขุดขึ้นล้อมรอบ พร้อมใช้คอนกรีต เหล็ก และแก้วเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างอาคาร สำหรับลักษณะภายนอกอาคารนั้น มีรูปทรงที่ดูผอมเพรียว หุ้มด้วยแผ่นนสแตนเลสมันวาวคลุมภายนอกทั้งหมด ราวกับใบมีดขนาดใหญ่ปักอยู่บนน้ำ โดยมีส่วนที่จมอยู่ในน้ำนั้นเป็นอาคารชั้นใต้ดินสำหรับเก็บไวน์ ส่วนชั้นอื่น ๆ ที่อยู่พ้นน้ำก็จะเป็นห้องหมักไวน์ ห้องรับแขก ห้องชิมไวน์ ไปจนถึงดาดฟ้าเปิดโล่งสำหรับชมทิวทัศน์ต่าง ๆ
ด้าน Arsène-Henry สถาปนิกผู้ออกแบบก่อสร้าง ได้เปิดเผยว่า “ตัวอาคารแห่งนี้มีลักษณะที่ดูคล้ายใบมีดยักษ์ที่หล่นมาจากท้องฟ้า สู้ท้องทุ่งที่รายล้อมไปด้วยเนินไร่องุ่นและต้นไม้สูง ภายในอาคารจะแบ่งพื้นที่ใช้งานเป็นหลายชั้น สำหรับการหมักไวน์ในหลาย ๆ ประเภท และยังเป็นพื้นที่สำหรับแขกเข้ามาชิมไวน์ โดยเราต้องการให้แต่ละห้องภายในทำหน้าที่ของมันเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ ทาง Philippe Starck ก็ได้ออกมาพูดถึงผลงานของเขาด้วยว่า “ผลงานออกแบบดังกล่าวเป็นเหมือนเวทมนต์ ที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยความมหัศจรรย์ ลักษณะที่คล้ายกับใบมีดที่ปักบนผิวน้ำตัดกับเนินดินที่อยู่รอบด้าน แสดงออกได้ถึงการพบกันระหว่างธรรมชาติและอัจฉริยะภาพของมนุษย์ ซึ่งมันจะถูกหล่อหลอมเข้าด้วยกันและกลมกลืนไปกับน้ำ มันจึงเป็นผลงานที่เกิดจากธรรมชาติและถูกปรุงแต่งเพิ่มเติมด้วยฝีมือมนุษย์”
การแบ่งพื้นที่ใช้สอยของอาคารเก็บไวน์ จะแบ่งออกเป็นหลักๆ 3 ชั้น โดยชั้นใต้ดินลึกสุดที่อยู่ใต้ผิวน้ำนั้น จะเป็นส่วนห้องเก็บไวน์ สามารถเก็บถังไม้บรรจุไวน์ได้มากถึง 300 ถัง พร้อมระบบความคุมอุณหภูมิห้องและความชื้น ให้ไวน์ที่เก็บมีรสชาติดีที่สุด ส่วนห้องที่อยู่ถัดมาด้านบน ก็จะเป็นห้องหมักไวน์ มีถังหมักไวน์ขนาดใหญ่เรียงรายอยู่โดยรอบ ซึ่งทำด้วยวัสดุหลากหลายทั้งถังไม้ ถังเหล็ก และถังคอนกรีต ตามประเภทของไวน์ที่หมักแตกต่างกันออกไป สำหรับห้องชิมไวน์จะอยู่ในส่วนของชั้นบนสุด ให้แขกผู้มาเยือนได้ลองลิ้มรสไวน์คุณภาพผ่านการหมักมาเป็นอย่างดี และห้องชิมไวน์ยังสามารถมองลงมาเห็นห้องหมักไวน์ได้จากด้านบน นอกจากนี้ห้องชิมไวน์ยังมีทางเชื่อมไปสู่ระเบียงดาดฟ้า ที่จะมองเห็นไร่องุ่นอันเป็นทิวทัศน์สวยงามได้โดยรอบ
Source : dezeen, designboom