Bauhaus Imaginista Exhibition นิทรรศการสัญจรจากสถาบันภาษาและวัฒนธรรมเยอรมันเกอเธ่ ที่ได้เดินทางไปจัดงานนิทรรศการมาแล้วทั่วโลก และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มาจัดแสดงผลงานที่เมืองไทย เพื่อเผยแพร่ให้คนได้รู้จักกับสถาบันการศึกษาด้านศิลปะที่มีอิทธิพลต่อวงการศิลปะมากในปัจจุบัน
สำหรับใครที่ไม่ทันได้ไปดูงานนิทรรศการ Bauhaus Imaginista (เบาเฮาส์ อิมาจินิสต้า) บทความนี้จะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักสถาบัน เบาเฮาส์ ให้มากยิ่งขึ้นผ่านนิทรรศการที่ผ่านมา
“เบาเฮาส์ อิมาจินิสต้า” เป็นโครงการศิลปะระดับนานาชาติที่มีนัยสำคัญแฝงอยู่ จัดตั้งขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี ของสถานศึกษาศิลปะเบาเฮาส์ ซึ่งมีบทบาทด้านงานศิลปะและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย
เบาเฮาส์ เป็นโรงเรียนสอนศิลปะนานาชาติที่มีผู้สนใจเข้าเรียน ทั้งจากยุโรปและเอเชียให้ความสนใจหลั่งไหลเข้ามาเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะอาจารย์หรือนักศึกษา นอกจากนี้เบาเฮาส์ยังมีแนวทางศิลปะที่ควบรวมอิทธิพลทางความคิดอย่างหลากหลายในแต่ละสมัย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องกระบวนการเคลื่อนไหวทางศิลปะและงานฝีมือ, สังคมนิยม, ลัทธิคอมมิวนิสต์, ลัทธิจิตวิญญาณ, การระเบิดทางความคิดสร้างสรรค์ของสังคมโซเวียต รวมถึงกระบวนการเคลื่อนไหวทางสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่า “นอยเอส เบาเอ้น” (Neues Bauen แปลว่าอาคารใหม่)
ต่อมาในปี ค.ศ. 1933 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พรรคชาติสังคมนิยมเยอรมันออกคำสั่งปิดสถานศึกษาศิลปะเบาเฮาส์ และใช้ความรุนแรงบังคับ ทำให้สมาชิกทุกคนแยกย้ายกระจัดกระจายกันไป หลายคนหลบหนีออกจากเยอรมนี ผลที่ตามมาคือ มีกลุ่มสมาชิกเบาเฮาส์ได้เล็ดลอดออกมา และกระจายตัวไปในหลากหลายประเทศนอกยุโรป
นิทรรศการจากโครงการเบาเฮาส์ อิมาจินิสต้า ครั้งนี้ แสดงถึงวิวัฒนาการของสถาบันเบาเฮาส์ไปพร้อมกับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับเหล่านานาชาติ ผ่านความร่วมมือด้านต่าง ๆ ทั้งการค้นคว้ากับนักวิชาการจากหลากหลายประเทศ ได้แก่ บราซิล จีน อินเดีย ญี่ปุ่น โมร็อกโก ไนจีเรีย รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
สำหรับนิทรรศการในครั้งนี้แบ่งตาม 4 ชิ้นงานหลักของเบาเฮาส์ ซึ่ง 4 ผลงานเหล่านี้ถูกนำมาพัฒนาเป็นแนวคิด 4 หลักการที่สัมพันธ์กับบทบาทของโรงเรียน พร้อมได้รับการยอมรับจากหลากหลายภูมิภาคของโลก
ผลงานชิ้นแรกมีชื่อว่า “Bauhaus Manifesto” สร้างสรรค์โดย วอลเตอร์ โกรปิอุส (Walter Gropius งานจากปี ค.ศ.1919) เป็นผลงานที่สื่อถึงพื้นฐานเรื่อง “Corresponding With” ในการสำรวจการปฏิรูปการเรียนการสอน
ผลงานชิ้นที่สอง “Teppich” (เทปปิค / พรม) ผลงานจิตกรรมของ พอล คลี (งานจากปี ค.ศ.1927) สื่อถึงหลักการ “Learning From” เกี่ยวกับเรื่องการหยิบยืมทางวัฒนธรรม
ผลงานชิ้นที่สาม เป็นภาพยนตร์ของเบาส์เฮาส์ที่ชื่อว่า “Collage” กำกับโดย มาร์เซล บรอยเออร์ (งานจากปี ค.ศ.1926) ที่ชวนให้ตั้งคำถามถึงเรื่องวิวัฒนาการงานดีไซน์แบบคตินิยม
และผลงานชิ้นที่สี่ ที่มีชื่อว่า “Reflektorische Farblichtspiele” เป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับการเล่นแสงสี สร้างโดย ควร์ท ชแวร์ทเฟกเกอร์ (งานจากปี ค.ศ.1922) เกี่ยวกับการแสดงออกแนว “Still Undead” ซึ่งเป็นเพอร์ฟอร์มแมนซ์อาร์ตการทดลองแสงและเสียง
นอกจากนี้ นิทรรศการสัญจรครั้งนี้ยังเป็นแหล่งที่รวมเอาแนวคิด การค้นคว้าวิจัย เอกสารบันทึก วัตถุต่าง ๆ ไว้ โดยมีกลุ่มศิลปิน ลุก้า ฟราย (Luca Frei) ที่ออกแบบโครงสร้าง – ประติมากรรมชิ้นส่วน ส่วนนิทรรศการทางสถาปัตยกรรม จะเป็นการนำเสนอในรูปแบบการค้นคว้าของภัณฑารักษ์ ข้อความ และภาพที่เกี่ยวข้องกับผลงานทั้ง 4 หัวข้อข้างต้น รวมถึงเอกสารบันทึก วัตถุต่าง ๆ จากโครงการเบาเฮาส์ อิมาจินิสต้า นานาชาติ เมื่อปี ค.ศ. 2018
ในงานนิทรรศการงานอินสตอลเลชันครั้งนี้ นอกจากจะมีผลงานต่าง ๆ มาจัดแสดงแล้ว ยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้ผู้เข้าชมงานสามารถเรียกดูวารสารออนไลน์ของ เบาเฮาส์ อิมาจินิสต้า พร้อมเนื้อหาที่เป็นภาพและข้อความเพื่อรวบรวมใส่ในโฟลเดอร์ที่จัดไว้ให้
โครงการเบาส์เฮาส์ อิมาจินิสต้า เป็นโครงการความร่วมมือกันระหว่าง Bauhaus Kooperation Berlin Dessau Weimar, สถาบันเกอเธ่ (Goethe-Institut) และ Haus der Kulturen der Welt ซึ่งได้รับทุนจากกระทรวงการต่างประเทศและมูลนิธิวัฒนธรรมแห่งชาติ เนื่องในโอกาส “ครบรอบ 100 ปีเบาเฮาส์”