สำหรับใครที่ชอบซีรีส์แนวไซไฟ ทริลเลอร์ หรือสายเทคโนโลยีจ๋า และชอบเข้า Netflix หาอะไรดู เชื่อว่า “Black Mirror” จะเป็นหนึ่งในซีรีส์เรื่องโปรดของคุณ ด้วยความเข้มข้น ทั้งฉากและเรื่องราวที่ดึงความล้ำของยุคเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนมาบอกเล่า และทำให้เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของจินตนาการที่ไกลตัวให้ใกล้เส้นความจริงเข้าไปทุกที
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก Black Mirror หรือยังไม่เคยดู เกริ่นไว้สักนิดว่าเป็นซีรีส์จากเกาะอังกฤษที่สร้างขึ้นจากเบื้องลึกมันสมองและจิตใจของ Charlie Brooker ที่ฉายทาง Netflix โดยมีเรื่องราวแต่ละตอนแยกจากกัน แต่เล่าเรื่องด้วยคอนเซ็ปต์เดียวกันคือการโชว์ให้เห็นอนาคตที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี ทั้งเรื่องการ Like Share ภายในสังคมโซเชียล การใช้ VR สำหรับเล่นเกม ฯลฯ
รูปแบบการดำเนินชีวิตและเรื่องราวของตัวละครที่เติบโตท่ามกลางเทคโนโลยีทำให้เราที่นั่งอยู่ในบ้านต้องกลับมาสะท้อนดูตัวเองอีกครั้ง เพราะบางทีเราอาจเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้ก็ได้
ปัจจุบันซีรีส์เรื่องราวทั้งหมดดำเนินมาถึงซีซั่น 5 แล้ว แน่นอนว่าต้องมีอาคารที่นำมาใช้สำหรับการถ่ายทำหลายที่ แต่เราเลือกที่เด็ด ๆ ไว้เพียง 2 ที่มาบอกต่อ 2 สถานที่ที่เมื่อมองกลับไปแล้วเราจะเห็นความต้องการของผู้คนที่มีต่อตัวบ้านในวันที่ทุกอย่างทันสมัยและเป็นโลกแห่งอนาคต
ฉากตรงหน้านี้ไม่ได้เพิ่งเซ็ตมาใหม่ แต่เป็นสถานที่ที่สร้างเสร็จแล้วตั้งแต่ปี 1965 ตั้งอยู่ในย่าน Avenida Paulista เซาเปาโล ประเทศบราซิล ภายในอาคาร Tres Marias ที่ออกแบบโดย Abelardo Riedy de Souza ต่อมาจึงนำมาบูรณะต่อในปี 2009 โดย Piratininga Arquitetos
เมื่อเห็นห้องของอาคารแห่งนี้ทีมโปรดักชั่น Black Mirror ก็ลงความเห็นทันทีว่าน่าสนใจ เพราะด้วยดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการโชว์แผงคอนกรีตบนเพดาน เหมาะสำหรับเก็บข้าวของและอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบ ทั้งตู้เย็น โทรทัศน์ สารพัดเครื่องใช้ ทำให้ห้องดูโล่ง ขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นอายของการจัดวางข้าวของและเฟอร์นิเจอร์แนวแอนทีค คลาสสิกเข้ามาผสมผสานร่วมกับความล้ำลงตัวด้วย
ถ้าให้พูดกันง่าย ๆ คือในวันหนึ่งข้างหน้าที่ทุกคนมีวัตถุชิ้นใหม่เพิ่มขึ้น การแต่งบ้านที่น่าจะกลับมาเป็นที่นิยมหรือผู้คนโหยหายก็คือของแนววินเทจทั้งหลาย เพราะมันมีเสน่ห์และทำให้บ้านดูอบอุ่นจากกลิ่นอายเฟอร์นิเจอร์ที่มีความทรงจำ
“The Dessert House” ปรากฏในฉากของซีซั่น 5 เป็นบ้านกระจกแก้วใสที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางทะเลทราย โดยได้ไอเดียการใช้โลเคชั่นนี่จากการหลบลี้จากโลกที่เชื่อมต่อกันทั้งใบ โซเชียลที่บุกเข้ามาหาเราได้ถึงในบ้าน โดยแสดงออกผ่านการอยู่ในบ้านที่ตัดขาดจากเมืองและผู้คน กลายเป็นความเวิ้งว้างแห้งแล้งของผืนทรายสุดลูกหูลูกตา
ใครมองเห็นแล้วก็อาจจะรู้สึกว่ามันมีที่อย่างนี้อยู่จริงหรือว่าถ่ายแล้วจำลองใช้ CG จากคอมพิวเตอร์กันแน่ คำตอบคือ สถานที่แห่งนี้มีอยู่จริง!
La Casa del Desierto หรือบ้านแห่งทะเลทราย คือชื่อเรียกของสถาปัตยกรรมนี้ สร้างขึ้นโดย OFIS Architects เมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นโปรเจกต์พิเศษที่ขับเคี่ยว ดึงความสร้างสรรค์และประสิทธิภาพของวัสดุหลัก อย่าง Guardian Glass ออกมา เพื่อแสดงความคงทนของสถาปัตยกรรมที่ตั้งอย่างมั่นคง ไม่ว่าจะพบกับสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแค่ไหนก็ตาม
ความท้าทายของสถาปนิกที่ต้องออกแบบเพื่อท้าทายอำนาจธรรมชาติคราวนี้ พิสูจน์ลงกลางภูมิทัศน์สุดหินในทวีปยุโรปอย่าง Gorafe Desert (Granada) และแน่นอนว่าความคงทนของวัสดุอย่างเดียวไม่พอให้คนอยู่อาศัยได้แบบสบาย ๆ งานนี้สถาปนิกเขาเลยโชว์ความเจ๋งเรื่องการจัดสรรปันส่วนฟังก์ชันใช้งานไว้ให้ครบครันแบบนี้ด้วย
พื้นที่บ้านขนาด 215 ตารางเมตร โปร่งสายตาเพราะเป็นกระจกติดตั้งรอบด้านแห่งนี้ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนเหมาะแก่การใช้สอย ได้แก่ ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องนั่งเล่น สิ่งสำคัญคือแม้ว่าห้องทั้งหมดนี้จะล้อมด้วยกระจกโดยตั้งอยู่ในพื้นที่ไร้ผู้คนแค่ไหน เขาก็ใส่ใจรายละเอียดเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วยการเลือกกระจกทึบแสงมาใช้งานกับพื้นที่ห้องน้ำเพื่อบดบังร่ายกายเราจากภายนอก
นอกจากนี้ เรื่องระบบไฟฟ้าและน้ำของบ้านทะเลทราย ยังได้รับการวางแผนไว้แล้วเป็นอย่างดีจากการนำแผงโซลาร์มาติดตั้งไว้บนหลังคา เจอแดดแน่น ๆ อากาศร้อน ๆ แบบนี้รับรองว่าดึงพลังงานมาสำรองใช้ไฟฟ้าได้ทั่วทั้งหลัง ขณะเดียวกันก็ติดตั้งถังเก็บน้ำกับระบบการกรองน้ำเพื่อให้สามารถนำมาใช้อุปโภค บริโภคได้ และติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐานไว้รองรับการใช้งาน ทำให้บ้านที่อยู่ท่ามกลางความร้อนระอุเย็นลงและใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ๆ
จากทั้ง 2 รูปแบบการตกแต่งภายในและการสร้างอาคารทำให้เห็นว่า สถาปัตย์ต่าง ๆ นี้คล้ายภาพจากจินตนาการในโลกเสมือน (VR) แต่เกิดขึ้นจริงและอยู่อาศัยได้จริง อะไรที่เราคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น วันนี้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสามารถช่วยทำให้เรานำมันมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้
แต่ประเด็นที่ซ่อนอยู่และน่าสนใจคือความก้าวหน้านี้ทำให้เราหวนคิดถึงวันที่สงบ นิ่ง และไม่สะดวกสบายเท่านี้ จึงเป็นเหตุผลให้เราเลือกอยู่ห่างไกลผู้คน หรือนำของในยุคอนาล็อกกลับมาใช้งานอีกครั้ง ชาว BuilderNews คนไหนที่ได้โจทย์ยากในการออกแบบ ลองพักจากการคิดสมองแทบแตก หาตัวอย่างงานสุดล้ำใหม่มาอัปเดตตลอดเวลา บางทีวันหยุดลองพักสายตาและความคิดจากงาน มาดูหนังหรือซีรีส์สักเรื่องเพื่อพักผ่อน อาจจะได้ไอเดียดี ๆ กลับมาใช้งานชนิดที่ว่าคาดไม่ถึงก็ได้นะ
อ้างอิงที่มาข้อมูลจาก
https://www.archdaily.com/919504/black-mirror-what-can-it-teach-us-about-the-future-of-architecture