หลังจากดำเนินการเคลื่อนย้ายที่ตั้งของดีไซน์มิวเซียมในกรุงลอนดอนมาเป็นเวลานาน การก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ก็เสร็จสมบูรณ์และพร้อมเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ โดยย้ายจากบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเทมส์มายังแถบเคนซิงตัน ฝั่งลอนดอนตะวันตก ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางถึง 110,000 ตารางฟุต
สถานที่ตั้งแห่งใหม่นี้ ถูกเลือกเมื่อปี 2008 ด้วยความต้องการขยายพื้นที่จัดแสดงผลงานและพื้นที่สำหรับอีเว้นท์ต่าง ๆ ให้กว้างขวางขึ้น โดยจะจัดแสดงผลงานดีไซน์หลากหลายรูปแบบทั้งงานสถาปัตยกรรม ออกแบบแฟชั่น ออกแบบผลิตภัณฑ์ ออกแบบอุตสาหกรรม ทั้งยังสนับสนุนผลงานนวัตกรรมต่าง ๆ ผ่านการจัดแสดงผลงานทั้งแบบชั่วคราวและแบบถาวร ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้
โปรเจคนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายบริษัท ได้แก่ บริษัท John Pawson และ Allies and Morrison จากลอนดอน, OMA บริษัทสถาปนิกระดับโลก รวมไปถึง Arup บริษัทผู้ให้คำปรึกษาทางด้านวิศวกรรม ที่มักจะหยิบเอาแลนด์มาร์กสำคัญ ๆ บริเวณต่าง ๆ ในอดีต เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ โดยทีมงานจาก OMA และ Allies and Morrison นั้น รับหน้าที่ออกแบบโครงสร้างภายนอกอาคาร ทดแทนฟาซาดแบบเก่าเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทาน และดูแลรับผิดชอบพื้นที่บริเวณชั้นใต้ดิน ส่วน John Pawson จะรับหน้าที่ดูแลด้านการออกแบบตกแต่งภายใน
นอกจากนี้ OMA ยังมีหน้าที่ออกแบบแกลเลอรี่ ที่ชื่อ ‘Pan European Living Room’ แกลเลอรี่ที่จะใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการพิธีเปิดในชื่อ ‘Fear and Love: Reactions to a Complex World’ นอกจากนี้ ภายในพิธีเปิดยังมีผลงานนิทรรศการต่าง ๆ อีกมากมายให้ได้ชมกัน ได้แก่ นิทรรศการ Beazley Design of the Year, นิทรรศการ Designer Maker User และ นิทรรศการ Designers in Residence 2016
ยิ่งไปกว่านั้น ดีไซน์มิวเซียมแห่งใหม่นี้ ยังมีพื้นที่ในส่วนของ Swarovski Foundation Learning Centre หรือศูนย์การเรียนรู้มูลนิธิสวารอฟสกี้ ซึ่งสามารถจุผู้ชมได้มากถึง 202 ที่นั่ง และยังมีแกลเลอรี่ที่ใช้สำหรับเก็บรวบรวมคอลเล็คชั่นเครื่องประดับจากสวารอฟสกี้อยู่ภายในศูนย์การเรียนรู้อีกด้วย
บริเวณที่ตั้งของดีไซน์มิวเซียมแห่งใหม่นั้น กล่าวได้ว่าเป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากอยู่บริเวณเดียวกับพิพิธภัณฑ์สำคัญหลายแห่ง ได้แก่ Royal College of Art, Victoria and Albert Museum (V&A), Science Museum, Natural History Museum และ Serpentine Gallery
Source: architectmagazine