เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ONNEX by SCG Smart Living เปิดบ้านแสดงความพร้อมในงานระบบโซลาร์ และแผนธุรกิจ EPC+ BUSINESS MODEL เพื่อตอบโจทย์กลุ่มพันธมิตรทั้งกลุ่มธุรกิจและนักลงทุน โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปี ขยายกำลังการผลิตติดตั้งไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์  และแผนธุรกิจ EPC+ BUSINESS MODEL 

  • EPC+F (Finance) เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเปลี่ยนระบบไฟฟ้าพื้นฐานมาติดตั้งระบบโซลาร์ นอกจากธุรกิจจะได้ใช้พลังงานสะอาดแล้ว  ผู้ประกอบการยังได้ประโยชน์จากส่วนลดค่าไฟสูงสุดถึง 40% ซึ่งแผน EPC+F นี้ ทางผู้ประกอบการไม่ต้องลงทุนเอง แต่ทาง ONNEX จะดำเนินการหาผู้ลงทุนให้ 
  • EPC+D (Project Development) เหมาะสำหรับนักลงทุน ที่เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ สถาบัน กองทุน ที่สนใจลงทุนในโครงการโซลาร์ แต่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีทีมงานจัดทำโครงการ หรือไม่สามารถหาโครงการที่เหมาะสมได้ ทาง ONNEX จะทำหน้าที่คัดสรรโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายการลงทุน ขนาดโครงการ ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ลงทุน 
  • EPC+ O&M (Operations & Maintenance) เหมาะสำหรับเจ้าของโครงการที่ติดตั้งโซลาร์ในหลายโครงการ และเริ่มมีปัญหาในการบริหารจัดการแบบองค์รวม (Centralized monitoring & maintenance) ทาง ONNEX มีบริการตั้งแต่ Efficiency Audit, การทำ Centralized Dashboard ตลอดจนการดูแลระบบให้สามารถผลิตไฟได้ตามเป้าหมาย โดยมี Performance Warranty ในกรณีที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าไฟฟ้าที่ผลิตได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางแผนไว้
  • EPC+ Alliance รูปแบบความร่วมมือกับพันธมิตร EPC ด้วยกัน โดยมีแนวคิดที่จะช่วยให้ในกลุ่มพันธมิตรสามารถมีศักยภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีที่สุดในระบบการจัดซื้อ (Cost effectiveness)  โดยทาง ONNEX มีแผนงานเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาแผงและอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบโซลาร์ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว โดย EPC+ Alliance ได้เริ่มดำเนินการและเปิดรับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความสนใจร่วมกันอยู่ในขณะนี้
  • EPC+ Authorized Referral เหมาะสำหรับตัวแทนอิสระ ที่มีเครือข่ายลูกค้าที่มีศักยภาพในธุรกิจโซลาร์ สามารถเข้ามาเป็น Authorized Referral ได้ เพื่อร่วมธุรกิจและรับผลตอบแทนจากโครงการ

เผยโฉมระบบโซลาร์ครบวงจร

 

 Solar Carport  @เอสซีจี บางซื่อ ขนาด 735 kWp 

จากโจทย์เพื่อใช้พื้นที่ลานจอดรถขนาด 3 ไร่ ให้สร้างประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วยการติดตั้งระบบโซลาร์เพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับสำนักงานใหญ่  ซึ่งความท้าทายของโครงการนี้คือจำเป็นจะต้องคืนพื้นที่หน้างานให้เร็วที่สุดเพื่อให้ไม่เกิดปัญหาการก่อสร้างในพื้นที่จอดรถที่นานเกินไป  การวางแผนการติดตั้งระบบโซลาร์  จึงใช้โครงสร้างที่ออกแบบและก่อสร้างจากโรงงานเพื่อลดเวลาติดตั้งหน้างาน ที่สำคัญไม่มีปัญหาเรื่องน้ำรั่วซึมจากแผงโซลาร์  จึงคุ้มค่ากับงบประมาณที่ลงทุนในระยะยาว 

ระบบ Solar Carport ที่ SCG เป็นหนึ่งในโครงการตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการลงรายละเอียดด้านการออกแบบและคุณภาพของแผงโซลาร์จาก ONNEX by SCG Smart Living

  • สามารถผลิตไฟฟ้าต่อปี 993,000 kWh*
  • จ่ายไฟฟ้าให้ออฟฟิศ SCG สำนักงานใหญ่
  • ช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงถึง 3,525,150 บาทต่อปี

 

 Solar Roof ขนาด 2,000 kWp

เปลี่ยนพื้นที่หลังคาให้เป็นพื้นที่สร้างพลังงานสะอาด Solar Roof Top เป็นระบบโซลาร์ที่ใช้งบลงทุนประหยัดที่สุด  เนื่องจากเป็นการติดตั้งกับหลังคาที่ส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างมาตรฐานอยู่แล้ว  จึงลดงบประมาณลงทุนในส่วนโครงสร้าง  และอุปกรณ์ต่างๆ และการติดตั้งระบบโซลาร์บนหลังคาก็ทำได้ง่ายกว่าการติดตั้งในระบบอื่นๆ โดยในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ของSCG มีค่าใช้จ่ายต้นทุนด้านพลังงานมากกว่าครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายทั้งหมด  การใช้พื้นที่บนหลังคาที่มีขนาดใหญ่ถึง 13 ไร่ “มาสร้างให้เป็นพื้นที่สร้างพลังงานสะอาด” จึงเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่าอย่างมากในการช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ

  • สามารถผลิตไฟฟ้าต่อปี 2,700,000 kWh*
  • จ่ายไฟฟ้าไปใช้ที่โรงงานหินกองและหนองแค (ผลิตกระเบื้อง SCG Ceramics)
  • ช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงถึง 9,585,000 บาทต่อปี

 

Solar Farm ขนาด 7.2 MWp 

Solar Farm ขนาด 7.2 MWp ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 47.5 ไร่ เปรียบเสมือนเป็น Outdoor Experimental Space หรือพื้นที่ทดสอบประสิทธิภาพของระบบโซลาร์อย่างครบวงจร  ทั้งในด้านคุณภาพและประเภทของแผงโซลาร์ชนิดต่างๆ ,การติดตั้งแผงโซล่าร์ในจุดที่เหมาะสม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างพลังงานไฟฟ้า ,การติดตั้งInverter ,Energy Storage  รวมถึงเทคโนโลยีด้านต่างๆ ที่ใช้ในระบบโซลาร์ เพื่อสร้างความเข้าใจและมั่นใจจากประสบการณ์ที่สามารถสัมผัสระบบโซลาร์ได้บนพื้นที่จริง  โดยโครงการโซลาร์ฟาร์มในพื้นที่ 47.5 ไร่นี้  ยังได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีที่ดินจากการใช้ประโยชน์บนพื้นที่ว่างเปล่า และยังได้สิทธิประโยชน์จาก BOI ถึง8 ปีในการลดหย่อนภาษีจากเงินลงทุน

  • สามารถผลิตไฟฟ้าต่อปี 9,723,600 kWh* 
  • จ่ายไฟฟ้าไปใช้ในโรงงานผลิตกระเบื้องได้ 2 โรงงาน คือ โรงงานหนองแค 1 SCG Ceramics และโรงงานหนองแค 2 Sosuco Ceramics
  • ช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงถึง 34,518,780 บาทต่อปี

ในส่วนของ INVERTER ROOM  ขนาด7.2 MWp ตรง Solar Farm ประกอบด้วย

  1. Inverter ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงเป็นกระเเสสลับ
  2. Energy Storage ขนาด 200 kWh ทำหน้าที่ สำรองไฟฟ้าจากระบบโซลาร์และเก็บไฟฟ้าในช่วงค่าไฟ Off Peak มาใช้ในช่วงค่าไฟOn Peak (Energy Arbitrage) และยังมีฟังก์ชันอื่นๆ    อาทิ Peak Shaving ที่จะจ่ายพลังงานออกมาจากแบตเตอรี่ ในช่วงเวลาที่มีการใช้โหลดไฟฟ้าสูงสุด เพื่อลดภาระค่า Peak Demand จากการไฟฟ้า

Solar Floating ขนาด 999 kWp

ระบบโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ เป็นระบบที่แผงโซลาร์เซลล์สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าระบบโซลาร์อื่น ๆ ถึงประมาณ5-20%  แม้จะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า เนื่องจากต้องทำการติดตั้งแผงด้วยทุ่นลอยน้ำ  แต่ก็มีข้อได้เปรียบเรื่องการระบายอากาศและอุณหภูมิที่เย็นกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการสร้างพลังงานของแผงโซลาร์เพิ่มขึ้น  โดยพื้นที่ในการติดตั้งSolar Floating มักเป็นการเพิ่มมูลค่าให้พื้นที่บ่อพักน้ำสะอาดให้เกิดประโยชน์  ทั้งนี้การออกแบบระบบ Solar Floating  จะมีต้นทุนการก่อสร้างทุ่นและระบบยึดโยงทุ่นที่ต้องคำนวณเผื่อระดับการขึ้น-ลงของน้ำตามหน้างานที่เหมาะสมเพิ่มเติม

  • สามารถผลิตไฟฟ้าต่อปี 1,350,000 kWh*
  • จ่ายไฟฟ้าไปใช้ในโรงงานผลิตสุขภัณฑ์สยามซานิทารีแวร์
  • ช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงถึง 4,792,500 บาทต่อปี

ในส่วนของแผนธุรกิจและแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยแผน EPC+ BUSINESS MODEL ทางคุณวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง  กล่าวว่า ONNEX by SCG Smart Living เน้นนวัตกรรมและบริการด้านระบบโซลาร์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2011 โดยเริ่มต้นจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองภายในโรงงานต่างๆ ทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้มากสุดถึง 40% ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน จึงมีความพร้อมที่จะตอบรับความต้องการในตลาดโซลาร์ที่มีอัตราการเติบโตสูงมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการติดตั้งระบบโซลาร์ในปัจจุบันนั้นมีราคาที่ถูกลง  ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้ายังคงมีราคาสูง 

นายดุสิต ชัยรัตน์ Smart Home Living Solution Director ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนไป ทั้งด้วยนโยบายจากภาครัฐและจากความต้องการของลูกค้าในการใช้พลังงานสะอาด  อีกทั้งในระยะหลังมีนักลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้นจากผลตอบแทนการลงทุนที่ดีและมีความผันผวนต่ำในระยะยาว ทาง ONNEX by SCG Smart Living ได้จัดให้มีบริการ EPC (Engineering Procurement and Construction) ทั้งด้านการออกแบบทางวิศวกรรม  การขออนุญาตโครงการ รวมถึงการติดตั้งโครงสร้างระบบแบบครบวงจรอยู่แล้ว เพื่อขยายตลาดให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จึงได้เตรียมกลยุทธ์ EPC+ Business Model  ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้เกี่ยวข้องแต่ละกลุ่มในระบบโซลาร์ ที่จะช่วยสร้าง ecosystem ให้แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจโซลาร์ให้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักลงทุน ส่งผลดีให้กับกลุ่มผู้บริโภค เพื่อลดภาวะโลกร้อนและสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ  โดยคาดว่า EPC+ Business Model  จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งในระบบพลังงานโซลาร์รวมแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5  ปี” 

      ซึ่งจากประสบการณ์การติดตั้งระบบโซลาร์ที่ผ่านมา คุณสุชาติ นอกพุดซา Associate Director – Solar Roof ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ONNEX by SCG Smart Livingสามารถผลิตพลังงานสะอาดไปแล้วกว่า 200 เมกะวัตต์ (MWp) และยังมีโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการอีกถึง 400-600 เมกะวัตต์ (MWp) โดยพื้นที่โซลาร์ฟาร์มขนาด 47.5 ไร่ ที่จังหวัดสระบุรี ถือเป็นโซลาร์ฟาร์มต้นแบบที่นำเสนอแพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงานโรงไฟฟ้าเสมือนจริง (Virtual Power Plant) ภายใต้แนวคิด Smart Utilization –  Smart Investment –  Smart Flexibility  และ Smart Monitoring  ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับรู้ปริมาณการผลิตโซลาร์และการนำพลังงานสะอาดไปใช้อย่างเหมาะสม

Previous articleชวนส่อง 10 สุดยอดผลงานออกแบบ “ประติมากรรมสีสร้างลาย” จากฝีมือนักเรียน-นักศึกษาที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย พร้อมร่วมโหวตผลงานโดนใจ จากเวที “SEE JORAKAY SCULPTURE DESIGN CONTEST”
Next article5 ประเภทประตูลิฟท์ที่คุณไม่รู้ว่ามีอยู่จริง