ปัจจุบันเครื่องจักรกลหนักเพื่องานก่อสร้างจากประเทศจีน ได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านคุณภาพที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเครื่องจักรให้เลือกใช้ได้ครอบคลุมทุกลักษณะการใช้งาน โดยไม่ต้องบำรุงรักษามาก และที่สำคัญที่สุดคือราคาสามารถจับต้องได้ เป็นเหตุให้ผู้รับเหมาหันมาใช้เครื่องจักรจากประเทศจีนแทนการซื้อเครื่องจักรใช้แล้วที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด (ITI) เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของกลุ่มอิตัลไทย บริษัทรับเหมาก่อสร้างอันดับหนึ่งของไทย ที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าจัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายเครื่องจักรกลหนักชั้นนำระดับโลก อาทิ Volvo CE, SDLG, Tadano, Bobcat, Doosan, Powerscreen, Atlascopco และ Yutong ด้วยเครื่องมือเครื่องจักรที่หลากหลายจึงสามารถตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างได้แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จนถึงงานภาคอุตสาหกรรมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นงานเหมือง โรงโม่ และงานก่อสร้างถนน
ทั้งนี้ SDLG ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ ITI นำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย ได้วางแผนขยายไลน์เครื่องจักรก่อสร้าง โดยเน้นสินค้าคุณภาพในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น ซึ่งคุณปรีชาพล เวชรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานขายแบรนด์เอสดีแอลจี (SDLG) ได้กล่าวถึงผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลหนักเพื่องานก่อสร้าง เอสดีแอลจี ว่า “แบรนด์ SDLG มีต้นกำเนิดในประเทศจีน เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว จนกระทั่งในปีค.ศ. 2011 “วอลโว่ กรุ๊ป” ได้เข้าร่วมกิจการ โดยเข้าถือหุ้นกว่า 70% หลังจากถือหุ้นแล้ว ได้มีการปรับปรุงกระบวนการทางด้านวิศวกรรมและการผลิต มีการพัฒนาโปรดักส์ โดยเฉพาะรถตักล้อยาง ทำให้สามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยมีการส่งออกไปทั่วโลกปีละกว่า 30,000 คัน”
สำหรับแบรนด์ SDLG ในประเทศไทย ทาง ITI เริ่มนำเข้ามาทำตลาดเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มภาคเกษตรเป็นหลัก แต่นโยบายในปีพ.ศ. 2559 นี้ จะมีขยายตลาดเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมให้มากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ประกอบการ ภายใต้จุดขาย “เครื่องจักรกลคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้” ซึ่งภายในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่สามารถทำยอดขายได้ 200 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์รถตักล้อยางทำตลาดอยู่เพียงชนิดเดียว
โดยคุณปรีชาพลได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า “เดิมรถตักล้อยางของเรา ตลาดหลักจะอยู่ที่กลุ่มธุรกิจการเกษตร โรงสีข้าว ลานมัน โรงผลิตยาง ลานปาล์ม แต่ในปีนี้จะขยายตลาดเข้าไปในกลุ่มตักลำเลียงวัสดุในโรงงานอุตสาหกรรม และธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งแบรนด์เอสดีแอลจีมีเครื่องจักรที่ใช้ในงานก่อสร้างอีกหลายรุ่นที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับราคาที่สมเหตุสมผล จึงเชื่อว่าลูกค้าตัดสินใจได้ไม่ยาก”
ทั้งนี้ด้วยนโยบายในปีพ.ศ. 2559 ที่มีการขยายโปรดักส์แบรนด์ SDLG ให้หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานในภาคธุรกิจก่อสร้างได้มากยิ่งขึ้น จึงได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาเสริมตลาดอีก 3 รุ่น ได้แก่ รถเกรด G9190 รถบดถนน RS8200 และรถตักหน้าขุดหลัง B877 ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์การใช้ของลูกค้าได้ครบถ้วน โดยเฉพาะผู้รับเหมางานสร้างถนน
ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดเครื่องจักรจากประเทศจีนมีมากขึ้น มีหลายแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ในขณะที่ผู้ใช้เองก็ให้ยอมรับเครื่องจักรจากประเทศจีนมากขึ้น เนื่องจากสามารถพัฒนาสินค้าดีขึ้นและยังคงมีราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับเครื่องจักรมือสองที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่ว่าจุดแข็งที่ดีกว่าของเครื่องจักรจากประเทศจีน คือ มีการรับประกัน มีอะไหล่ และบริการหลังการขาย ลูกค้าจึงให้ความเชื่อถือในด้านบริการหลังการขายได้ดี โดยยิ่งจัดจำหน่ายโดย ITI ซึ่งดำ เนินงานอยู่ในตลาดมานาน รวมทั้งมีอะไหล่ไว้รองรับมากกว่า 80% มีบริการที่ดีและรวดเร็ว
ด้านบริการหลังการขาย ITI มีศูนย์บริการภายใต้ชื่อ “อิตัลไทย เซ็นเตอร์” จำนวน 15 สาขาทั่วประเทศ และใน สปป.ลาว โดยเปิดให้บริการด้านการจัดจำหน่ายเครื่องจักรกล (Machine Sale) และบริการหลังการขาย (Service) โดยมีทีมช่างพร้อมโรงซ่อมมาตรฐาน สากล (Workshop) มีห้อง Clean Room ที่ใช้ในการตรวจซ่อมและวิเคราะห์เครื่องจักรกล ห้องพ่นสีระดับมาตรฐานเดียวกับโรงงานผู้ผลิต และลานทดสอบสมรรถนะเครื่องจักรกล พร้อมคลังจัดเก็บอะไหล่แท้จากโรงงานผู้ผลิต (Spare parts) ที่พร้อมให้บริการตลอดเวลา ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลารอนาน ทันทีที่ลูกค้าแจ้งเข้ามาจะมีทีมช่างเข้าไปพบลูกค้าที่หน้างาน ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเคลื่อนย้ายเครื่องจักรเข้ามาที่ศูนย์บริการ จึงทำให้สะดวกและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
สุดท้ายคุณปรีชาพลได้เผยถึงเป้าหมายระยะยาวของแบรนด์ SDLG ในประเทศไทยว่า “บริษัท ITI ต้องการให้ SDLG ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่ม แบรนด์จากประเทศจีน โดยในปีนี้รถตักล้อยางจะต้องขึ้นเป็นที่ 1 ส่วนอีก 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่นั้นคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 5 ปี จึงสามารถก้าวขึ้นไปแข่งขันกับแบรนด์ชั้นนำในตลาดได้ นอกจากนี้บริษัทยังได้สิทธิการทำตลาดในประเทศลาวอีกด้วย โดยในส่วนของตลาดฟีดจะออกไปทำงานร่วมกับผู้รับเหมาไทย เช่น งานเขื่อนไซยบุรี ซึ่ง ITI จะทำหน้าที่ดูแลเครื่องจักรให้ตลอดโครงการ อีกทั้งโครงงานโรงไฟฟ้าหงสาก็ใช้เครื่องจักรของ ITI ด้วยเช่นกัน”