ทุกวันนี้พื้นที่อาศัยส่วนใหญ่โดนจับจองแล้วแทบทุกตารางนิ้ว ส่วนบ้านหรืออาคารมือหนึ่งก็ราคาโหดเกินเอื้อม ทำให้ Trend ของการ Renovate อสังหาฯ มือสอง กลายเป็นกระแสหลักทั้งสำหรับคนที่อยากได้พื้นที่อยู่อาศัยเองและนักลงทุน

กลุ่มคนซื้ออสังหาฯ มือสองมักจะหาทำเลทองจากการปล่อยขายของธนาคารหรือเจ้าของพื้นที่ขายเองบ้าง แต่ส่วนมากมักเป็นบ้านที่มีอายุแล้ว จากนั้นนำกลับมาชุบชีวิตผ่านการ Renovate หรือตกแต่งเพื่อสร้างไลฟ์สไตล์ให้น่าอยู่ มีชีวิตชีวา

แล้วตกแต่งแบบไหนเปลี่ยนความรู้สึกของคนได้มากที่สุด คำตอบนั้นเราพูดได้เลยว่าคงไม่พ้นพื้นที่การมองเห็นส่วนใหญ่อย่าง “พื้นหรือผนัง” ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เราสามารถสัมผัสได้ทันทีด้วยสายตาและการใช้ชีวิต เพราะแน่นอนว่าเราเหยียบพื้นก่อนนั่งลงบนเก้าอี้อยู่แล้ว สิ่งที่เราเลือกนำมาพูดถึงวันนี้จึงเป็นเรื่องของวัสดุที่สถาปนิกเลือกใช้เป็นลูกเล่นในการเปลี่ยนพื้นและผนังอย่าง “กระเบื้อง”

 กระเบื้องกับศิลปะทางสถาปัตยกรรม

แม้จะพูดว่ากระเบื้องสำคัญ แต่เชื่อไหมว่าหลายคนมักจะคิดถึงวัสดุอื่นก่อนกระเบื้องในการตกแต่งเสมอ ทั้งที่ความจริงแล้วกระเบื้องอยู่ในงานตกแต่งแทบทุกชนิดของสถาปัตยกรรมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และสามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก ใช้ได้ตั้งแต่ที่อยู่อาศัยธรรมดาไปจนถึงสถานที่สำคัญอย่างวัดวาอาราม

TIPS เล็ก ๆ ที่แยกระหว่างกระเบื้องปูพื้นกับปูฝนังที่บางคนอาจยังไม่รู้ว่าออกแบบมาต่างกัน อยู่ที่ค่าความแกร่งและการซึมน้ำ โดยกระเบื้องสำหรับปูพื้นจะออกแบบมาให้แกร่งกว่าและซึมน้ำน้อยกว่าเพื่อให้รองรับกับฟังก์ชันการใช้งานที่เราอาจทำของเหลวหก หรือใช้ในพื้นที่มีความชื้นอย่างห้องน้ำกับพื้นที่นอกอาคาร ขณะที่กระเบื้องผนังมีลักษณะเป็นรูพรุน ทำให้ซึมน้ำมาก แต่รูเหล่านั้นก็ช่วยเรื่องการยึดเกาะผนังได้ดี

เนื้อแท้กระเบื้องมีมากกว่าเซรามิก

ความคิดของคนส่วนใหญ่มักคิดว่าเนื้อของกระเบื้องทำจากเซรามิกเท่านั้นและผิวสัมผัสต้องมันวาว แต่ชาวสถาปนิกเรารู้ดีว่าตัวเลือกของกระเบื้องมีดีเทลข้างในมากกว่าที่คิด ประเภทของกระเบื้องที่มีมากกว่าเนื้อเซรามิก คุณสมบัติจำเพาะที่เหมาะกับการใช้ตามพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ ของบ้าน (ครัวก็แบบหนึ่ง ห้องน้ำก็อีกแบบ) ไปจนถึงความสวยงามของการดีไซน์ที่จะให้วางต่อลายกันไปชิ้นต่อชิ้นเนียน ๆ หรือจะวางให้ครีเอทขึ้นอีกด้วยการวางต่อลวดลายกระเบื้องที่ไม่ซ้ำกันสไตล์ Patchwork Tile ก็ทำได้เช่นกัน

BuilderNews ขอยกตัวอย่างประเภทกระเบื้อง 5 แบบที่แตกต่างกันมานำเสนอเพื่อให้นักออกแบบนำไปใช้ งานได้ตามความเหมาะสม หรือผู้ที่มีไว้ในบ้านสามารถแยกแยะความแตกต่างของวัสดุได้ ดังต่อไปนี้ 

กระเบื้องแกรนิตโต้ (Granito, Homogeneous Tile)

เริ่มจาก Typical ที่ทุกคนคิดถึงก่อนอย่างกระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแกรนิตโต้ คือเซรามิกที่มีส่วนผสมของผงหินแกรนิต ผ่านการเผาด้วยความร้อนสูงตั้งแต่ 1,200 – 3,000 องศาเซลเซียส จึงมีความแกร่งคล้ายหิน หน้าตาเองก็คล้ายหินเพราะทำออกมาเลียนแบบหินแกรนิต ส่วนมากนิยมผลิตเป็นแผ่นใหญ่ไว้ปูพื้นเพราะมีรอยต่อน้อย ซึมน้ำน้อย เน้นการปูพื้นทั้งในและนอกอาคารเพื่อดึงอารมณ์ความหรูหราหรือมินิมัล เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งความเป็นธรรมชาติและสีสไตล์โมโนโครม

ข้อดีของแกรนิตโต้คือลักษณะเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หากกระเทาะหรือสึกก็จะมองไม่ค่อยออก ที่สำคัญคือตัวเลือกผิวสัมผัสที่หลากหลาย อยากได้ผิวขรุขระหรือลึกตัวนี้คือทางเลือกที่ดีกว่ารูปแบบอื่น

กระเบื้องเกลซพอร์ซเลนด์ (Glazed Porcelain Tiles) 

เกลซพอร์ซเลนด์ คือกระเบื้องตระกูลพอร์ซเลนด์นำมาเคลือบ ด้านในคือเนื้อเซรามิกเนื้อขาวที่มีส่วนประกอบของ ดินขาว ผ่านกระบวนการผสมกับแร่อื่นๆ เช่น หินเขี้ยว หนุมาน ดินดำ ไชน่าสโตน และแร่หินฟันม้า เป็นต้น เผาผ่านความร้อนสูง 1,300 องศาเซลเซียส จนมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำเพียง 0.05 % เท่านั้น หรือบางแบบก็ไม่ดูดซึมน้ำเลย ด้วยความที่มันคือกระเบื้องเคลือบเวลามองกระเบื้องชนิดนี้จากด้านข้าง เราจะเห็นว่าแยกชั้นสีระหว่างพื้นผิวหน้ากับเนื้อในอย่างชัดเจน

ด้วยลวดลายของกระเบื้องมักเป็นโทนสีเรียบหรือใช้ลายหินธรรมชาติ ประกอบกับความแกร่งและซึมน้ำน้อยจึงเหมาะจะใช้งานนอกอาคารหรือพื้นที่เปียกชื้น 

กระเบื้องดินเผา (Earthenware Tile) 

กระเบื้องดินเผา เป็นกระเบื้องที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว มีความใกล้เคียงดินมากกว่าหิน ซึ่งอาจแตกหัก ผุกร่อนได้ง่ายและผิวค่อนข้างด้าน ความติสต์ของกระเบื้องประเภทนี้มาจากลักษณะที่ผุกร่อนง่ายอย่างที่ว่าไป ทำให้ขนาดแต่ละแผ่นจะไม่เท่ากับเป๊ะ การปูยาแนวเลยต้องเว้นร่องให้กว้างกว่าแบบเซรามิกเพื่อปิดจุดอ่อน ที่สำคัญยังดูดซับความชื้นดีดังนั้นต้องระวังความบวมและขยายจนแตก ชำรุด

ด้านข้อดีของมันก็มาจากข้อเสีย คือเรื่องความยูนีคไม่เหมือนใคร ต่อให้ใช้วัสดุเดียวกันปูพื้นห้องขนาดเท่ากัน 2 ห้องก็ยังเห็นจุดต่าง บวกกับการระบายความร้อนได้ดี ใครที่ชอบความธรรมชาติมากกว่าคงทน เน้นใช้กระเบื้องดินเผาเรียกความคลาสสิกก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

กระเบื้องโมเสค (Mosaic Tile)

กระเบื้องโมเสค เป็นกระเบื้องขนาดเล็ก ออกแบบมาเพื่อใช้งานหลายรูปแบบ เนื้อกระเบื้องเหล่านี้มักทำจากแก้วใส มีความมันวาว สีสดทนไม่ตกทำความสะอาดง่าย คนส่วนใหญ่ใช้สำหรับงานตกแต่งออกไอเดีย โดยเฉพาะในวงการศิลปะเราจะพบงานจากกระเบื้องโมเสคบ่อย เพราะมีสีสันให้เลือกหลากหลาย ซึ่งนำมาต่อแล้วเห็นภาพศิลป์แนวโพสต์ post impressionism

จุดอ่อนของมันคือความทนที่เป็นรองและราคาที่ไม่เล็กเหมือนชิ้น ทำให้คนนิยมใช้ปูผนังและตกแต่งผนังมากกว่านำมาให้ปูพื้น

กระเบื้องแก้ว (Glass tile)

กระเบื้องแก้วเป็นกระเบื้องที่ทำมาจากชิ้นแก้วที่หลอมรวมกันเป็นแผ่นกระเบื้อง มีความมันวาว เนื้อโปร่งแสง มีทั้งแบบแผ่นและแบบโมเสคเม็ดเล็ก แน่นอนว่าด้วยเนื้อวัสดุมาจากการหลอมแก้วการดูดซึมน้ำจึงต่ำมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีจุดอ่อนเรื่องรอยขูดขีดที่มากกว่า ทำให้คนไม่นิยมนำมาปูพื้นมากนัก แต่ใช้สำหรับปูผนังในบริเวณแคบ ๆ มากกว่า

ทั้งหมดนี้น่าจะพอเป็นมุมมองที่ทำให้เห็นภาพกว้างและไอเดียการใช้งานคร่าว ๆ เบื้องต้น เผื่อใครอยากนำไปปูวางเพื่อ Renovate พื้นที่ที่มีในมือ ส่วนคนที่จ้างสถาปนิกหรือช่างที่ไว้ใจมาปูกระเบื้องเองรู้แบบนี้จะได้รู้ทันว่า เนื้อกระเบื้องแบบนี้ควรอยู่ตำแหน่งนั้นหรือเปล่าป้องกันการย้อมแมว

ใครที่อยากหาลวดลายเทียบในใจอาจจะลองเริ่มต้นจากเข้าไปดูจากแคตตาล็อกของแต่ละแบรนด์ได้ ตอนนี้ในตลาดบ้านเราก็มีทั้ง SCG, Dynasty Tiltop, UMi Group และแบรนด์เล็กอื่น ๆ ดูได้ จะได้มีทางเปรียบเทียบไว้ในใจ แต่อย่าลืมเช็กประเภทอย่างที่เราบอกด้วยล่ะ ว่าเหมาะกับการใช้งานไหมจะได้ไม่พลาดเรื่องฟังก์ชันด้วย 🙂

Previous articleสร้างวันนี้เพื่อคนที่อยู่ในวันพรุ่งนี้ รู้จัก 3 นวัตกรรมสุดเจ๋งเพื่ออนาคตในปี 2019 ตีโจทย์แตกเรื่องที่อยู่อาศัย
Next articleACT FORUM’19 อีเวนต์สดใหม่ระดับนานาชาติ เพื่อสถาปนิกทุกสาขาครั้งแรกในไทย