ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยบูธแสดงสินค้ากว่าหลายร้อยบูธในงาน สถาปนิก’59 ซึ่งถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยีก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน เห็นได้ว่าแต่ละแบรนด์ต่างขนผลิตภัณฑ์เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พร้อมกับการเปิดตัวสินค้ารุ่น ใหม่หลายตัวทีเดียว นอกจากนี้การสร้างพื้นที่จัดแสดงงานให้ดูโดดเด่นเพื่อเรียกความสนใจจากผู้เข้าชมงานยิ่งทำให้บรรยากาศภายในงานคึกคักมากขึ้นด้วย
การได้มีโอกาสเข้าชมงาน สถาปนิก’59 ในปีนี้ ถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง แม้ต้องใช้เวลาในการเดินชมถึง 3 วันเต็ม จึง ทั่วทั้งงานก็ตามเนื่องจากมีบูธผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ที่มาเปิดตัวภายในงานนี้ หากแต่จุดสนใจของการชมงานในครั้งนี้ของเรา เริ่มต้นกันที่การประกวดบูธแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมซึ่งจัดกันเป็นประจำทุกปี กับการมอบรางวัลให้แก่พื้นที่จัดแสดงสินค้าที่สร้างสรรค์ได้โดดเด่นตามประเภทต่างๆ อาทิ ประเภทสร้างสรรค์, ประเภท Green, ประเภท Universal Design รวมทั้งการประกวดนวัตกรรมสินค้าอีกด้วยซึ่งในปีนี้มีหลายบูธที่น่าสนใจทีเดียว
อย่างรางวัลประกวดออกแบบบูธแสดงสินค้า ประเภทสร้างสรรค์ในปีนี้ ที่บูธในโซน FINISHES & DECORATION หมวผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้นผิว ได้กวาดรางวัลทั้ง 3 อันดับไปครองร่วมกันเลยไม่ว่าจะเป็นรางวัลชนะเลิศ ซึ่งได้แก่ บูธของฟอร์ไมก้า และรางวัลรองชนะเลิศ ซึ่งได้แก่ บูธของอีดีแอล ลามิเนตส์ และบูธของวิลสันอาร์ท ตามลำดับ
‘A Magic from Basic’
เริ่มต้นจากบูธของฟอร์ไมก้า ที่มาในคอนเซ็ปต์ ‘Magic from Basic’ เน้นการใช้แนวคิดในการออกแบบที่เรียบง่าย แต่ดึงดูดสายตาของผู้เข้าชมงานด้วยสีสันและลูกเล่นขององค์ประกอบทางด้านสถาปัตกรรมแบบการทำซ้ำ (Repetition) ในระนาบแนวตั้งการนำรูปทรงสี่เหลี่ยมของแผ่นลามิเนตมาใช้เป็นแนวคิดในการออกแบบพื้นที่แสดงสินค้าและการนำรูปทรงสี่เหลี่ยมของเสามาทำซ้ำหลายสิบต้นเพื่อใช้แสดงศักยภาพสินค้าของฟอร์ไมก้า ด้วยการนำเผ่นลามิเนตกว่า 90 เบอร์มากรุผิวเสาเหล่านี้ โดยเฉพาะการนำแผ่นลามิเนตขนาดใหญ่ 4 เมตร ที่ไร้รอยต่อมาใช้ ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติพิเศษที่โดดเด่นของฟอร์ไมก้า
นอกจากแนวคิดการนำเสนอศักยภาพของผลิตภัณฑ์ฟอร์ไมก้าอย่างเต็มที่แล้ว ลักษณะการออกแบบบูธที่มาในรูปแบบของ Gallery Space ที่เน้นการแสดงสินค้ามากกว่าการขายของ ยังสามารถเชิญชวนและสร้างความสนใจจากผู้เข้าชมงานได้เป็นอย่างดีผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นที่พอใจทั้งของผู้ออกแบบและเจ้าของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงาน ทั้งยังการันตีด้วยรางวัลชนะเลิศการออกแบบบูธแสดงสินค้าประเภทสร้างสรรค์อีกด้วย
‘A Nature to Basic’
ตามกันต่อด้วยบูธที่ชนะเลิศการประกวดพื้นที่แสดงสินค้า ประเภท Green Booth ซึ่งได้แก่ บูธของ Greenlam ที่เน้นความเรียบง่ายที่ใกล้ชิดธรรมชาติเพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าแผ่นลามิเนตของ Greenlam นั้น มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก และด้วยแนวคิดรักษ์โลกที่ต้องการนำธรรมชาติมาใกล้ชิดต่อการดำเนินชีวิตจึงได้สร้างสรรค์พื้นที่จัดแสดงสินค้าโดยจำลองต้นไม้ใหญ่มาตั้งไว้ในพื้นที่บูธ ซึ่งต้นไม้ใหญ่เหล่านี้สร้างขึ้นจากผลิตภัณฑ์ลามิเนตของ Greenlam ทั้งสิ้น
การเปิดพื้นที่โล่งก่อให้เกิดความสบายต่อสายตา และพื้นที่นั่งชมสินค้าสร้างบรรยากาศสบายๆ และเป็นกันเอง ซึ่งเป็นการออกแบบพื้นที่แสดงสินค้าที่ไม่มุ่งเน้นการขายเป็นหลัก แต่ให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์อันหลากหลายได้ด้วยตนเอง พร้อมการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Virgo Composite Board ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในหลายด้านที่สามารถนำมาใช้ในงานออกแบบตกแต่งภายในได้ในหลายทางเลือก
จากแนวคิดในการออกแบบที่เน้นใกล้ชิดกับธรรมชาติแล้ว การแสดงศักยภาพของสินค้าจำนวนมาก รวมถึงการสร้างจุดเด่นที่สะดุดตายิ่งทำให้บธู Greenlam ได้รับความสนใจจากผู้ที่เข้าชมงานอย่างยิ่ง
‘Basic for All’
และมาต่อกันกับบูธที่ชนะเลิศการประกวดพื้นที่แสดงสินค้า ประเภท Universal Design ซึ่งได้แก่ บูธของเตียวฮง สีลม ที่มาพร้อมแนวคิดในการออกแบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “พื้นที่สื่อวัสดุ ดีไซน์เพื่อทุกคน” โดยก่อนหน้านี้ทางเตียวฮง สีลม ได้เปิดโอกาสให้มีการจัดประกวดออกแบบพื้นที่แสดงสินค้า THS Universal Design Contest 2015 ขึ้น ในหัวข้อดังกล่าว เพื่อเฟ้นหาไอเดียที่สร้างสรรค์จากนิสิตและนักศึกษาในระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งผู้ที่ชนะเลิศการประกวดจะไดร้บการคัดเลือกให้นำไอเดียนั้นมาสร้างเป็นพื้นที่แสดงสินค้าของเตียวฮง สีลม ภายในงานสถาปนิก’59
โดยแนวคิดในการออกแบบบูธในครั้งนี้ เน้นที่ลักษณะโครงสร้างบูธที่มีรูปทรงโค้งมน ไม่มีเหลี่ยมมุม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเมื่อต้องใช้สอยและสามารถใช้งานได้ง่ายสำหรับทุกคน นอกจากนี้จุดเด่นของแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคนยังได้มีการใช้ลูกเล่นอย่างป้ายสัญลักษณ์ที่เป็นอักษรเบรลล์ สำหรับคนที่บกพร่องทางสายตาให้ได้รับรู้ถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์อีกด้วย
‘Nano Wood’ วัสดุทดแทนไม้ที่ช่วยฟอกอากาศ
ที่นี้มาตามกันต่อกับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ชนะการประกวดในปีนี้กันบ้าง ซึ่งรางวัลชนะเลิศในปีนี้ได้แก่ Nano Wood วัสดุทดแทนไม้ของคนรักสุขภาพ จาก บริษัท จีอาร์เอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคารทีได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจาก บริษัท พี ที กรีน รีซอร์เซส จำกัด(ประเทศอินโดนีเซีย) ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ภายใต้ตราสินค้า Biowood ที่มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมาย สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบตกแต่งภายใน งานตกแต่งทางด้านสถาปัตยกรรมภายนอก อาทิ พื้น ฝ้า เพดาน ผนังอาคาร ระแนง กันสาดบันได ราวกันตก รั้ว และเฟอร์นิเจอร์
ตลอดเวลาที่ผ่านมา Biowood ไม่เคยหยุดนิ่งกับการพัฒนาวัสดุทดแทน และล่าสุดในงานสถาปนิก’59 ทางจีอาร์เอ็ม (ประเทศไทย) ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ตัวใหม่ล่าสุด Nano Wood นวัตกรรมสำหรับคนรักษ์ไม้ และผู้ที่ต้องการมีสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้หรือคนทีี่ร่างกายเกิดความเครียดสะสมน่าจะถูกใจสินค้านี้เป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถช่วยฟอกอากาศให้ผู้อยู่อาศัยในอาคารสามารถหายใจได้สะดวกปราศจากฝุ่นละออง ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Nano Wood ที่สามารถปล่อยประจุลบออกสู่อากาศได้ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าประจุลบจะพบตามธรรมชาติ เช่น น้ำตก หุบเขาและในป่า ข้อดีของประจุลบคือเมื่อคนเราได้รับประจุลบเข้าไปในร่างกายจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายหายเครียด และนอนหลับสบาย นอกจากนี้ประจุลบยังช่วยในการปรับสมดุลให้กับร่างกาย ทำให้ระบบทางเดินหายใจ หลอดเลือด เส้นเลือด ระบบเผาผลาญอาหาร และระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นด้วย
หลักการทำงานของ Nano Wood จะทำหน้าที่ปล่อยประจุลบออกมา และประจุลบเหล่านี้จะไปจับกับอนุภาคของประจุบวกที่ลอยอยู่ในอากาศซึ่งก็คือมลพิษที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ เช่น ฝุ่นผงแบคทีเรีย เชื้อไวรัส สารก่อภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยงควันบุหรี่ มลภาวะบนท้องถนน มลภาวะจากโรงงานอุตสาหกรรม และเชื้อรา เมื่อประจุลบจับกับอนุภาคของประจุบวกก็จะทำให้อนุภาคนั้นมีน้ำหนักและตกลงสู่พื้น ทำให้ฝุ่นละอองไม่ลอยต่อไปในอากาศจึงหยุดการแพร่กระจาย
นอกจากนี้ประจุลบที่ถูกปล่อยออกมายังช่วยลดอาการภูมิแพ้ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย สามารถลดอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ โดยจะช่วยดับกลิ่นคาวกลิ่นควันบุหรี่ หรือกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียเชื้อไวรัส เชื้อรา และเชื้อโรคในอากาศและบริเวณพื้นผิวได้อีกด้วย นับเป็นวัสดุทดแทนไม้ที่ไม่เพียงจะมีประโยชน์ในงานตกแต่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้ใช้อีกด้วย
Nano Wood ถูกออกแบบให้ทำความสะอาดได้ง่ายเพื่อสะดวกต่อการดูแลรักษาของผู้ใช้ โดยใช้เพียงเครื่องดูดฝุ่นหรือการปัดฝุ่นทำความสะอาดด้วยวิธีปกติ เพื่อกำจัดฝุ่นผงที่เกาะผิวไม้ออก หรือจะทำความสะอาดด้วยวิธีการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดสิ่งสกปรกออก เช่นเดียวกันกับการทำความสะอาดพื้นและเครื่องใช้ในครัวเรือนทั่วไปก็สามารถทำได้เช่นกัน
ทั้งนี้ Nano Wood สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบและตกแต่งภายในเพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับผู้ที่อาศัยภายในอาคารบ้านเรือน โดยหากนำไปใช้งานในห้องน้ำ ก็จะมีส่วนช่วยลดกลิ่นอับชื้นภายในห้องน้ำ หรืออาจจะนำไปใช้ห้องเด็กหรือผู้สูงอายุ ก็จะช่วยกำจัดเชื้อรา เชื้อโรค และแบคทีเรียให้ลดน้อยลง นับได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพโดยเฉพาะ
‘Virgo Composite Board’ สุดยอดนวัตกรรมจาก GREENLAM
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ Virgo Composite Board สุดยอดนวัตกรรมจาก บริษัท กรีนแลม เอเซีย แปซิฟิค(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นลามิเนตสำหรับการตกแต่ง GREENLAM ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านดีไซน์ คุณภาพ และนวัตกรรมภายใต้ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่ต้องการกระตุ้นแนวคิดการใช้ชีวิตที่อิงอาศัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
GREENLAM ถือเป็นผลิตภัณฑ์ลามิเนตรายแรกในเอเชีย ที่มีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรียที่สมบูรณ์แบบโดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ GREENLAM จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Safeguard Plus ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยเกือบ 99% จากสภาพแวดล้อมที่ต้องมีความระมัดระวังเรื่องการปลอดเชื้อแบคทีเรีย อย่างเช่นโรงพยาบาล โรงเรียนอนุบาล จนถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย อย่างห้องนอนและสำนักงานโดยล่าสุดภายในงานสถาปนิก’59 GREENLAM ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ Virgo Composite Board ซึ่งเป็นแผ่นบอร์ดสำเร็จรูปที่ใช้สำหรับงานตกแต่งผนัง ฝ้า และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ใช้ทดแทนวัสดุได้หลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น ไม้ (Wood), หิน(Stone), กระจก (Mirror), คอนกรีต (Concrete)และโลหะ (Metal)
Virgo Composite Board เป็นผลิตภัณฑ์แผ่นบอร์ดสำเร็จรูปที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม (Premium Quality) ผลิตและประกอบด้วยวัสดุชนิดพิเศษที่มีความแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา สามารถทนการกัดกร่อนจากสารเคมีทั่วไป สีคงทนต่อรังสีอัลตราไวโอเลต มีประสิทธิภาพเป็นฉนวนป้องกันความร้อน คุณสมบัติป้องกันน้ำ (Water Resistance)จึงสามารถใช้ได้ทั้งพื้นที่แห้งและพื้นที่ที่มีความชื้นสูงสามารถป้องกันปลวกและมอด (Termite Protection)ป้องกันการเกิดเชื้อรา (Anti-Fungus) และป้องกันแบคทีเรีย (Anti-Bacteria) ได้ดี
นอกจากนี่ยังมีพื้นผิวที่หลากหลาย ทำให้การออกแบบงานตกแต่งภายในมีดีไซน์ทางเลือกที่มากขึ้น สามารถตอบสนองตามจินตนาการของดีไซเนอร์ได้เป็นอย่างดี การติดตั้งและใช้งานยังสามารถทำได้ง่ายและหลากหลายประเภท เช่น งานเฟอร์นิเจอร์ ผนัง ฝ้า และพื้นเป็นต้น
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ Virgo Composite Board คือมีสีสันลวดลายให้เลือกมากกว่า 1,000 ดีไซน์ จึงสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการในการใช้งาน โดยสามารถเลือกคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ได้ตามต้องการเช่น น้ำหนัก (Weight), ขนาด (Size), ความสงู (Height), ความแข็งแรง ทนทาน (Strength), ความเงาและความโปร่งแสง (Glossiness and Transparency), ความเป็นธรรมชาติของพื้นวัสดุ (Natural Feel of Material), สีสันของวัสดุ (Material color), รูปแบบพื้นผิววัสดุ(Texture of Material)
ผลิตภัณฑ์ Virgo Composite Board สามารถตอบโจทย์ทุกลักษณะการใช้งาน เพราะมีน้ำหนักเบา อีกทั้งยังมีผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติและสามารถกำหนดคุณสมบัติของบอร์ดได้ ตัวอย่างเช่น ความทนทานต่อการลามไฟ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้รับมาตรฐาน (Forest Stewardship Council :FSC) และใบรับรองจาก JIS Z 2801 Test for Antimicrobial Activity of Plastics เป็นใบรับรองมาตรฐานเกี่ยวกับการป้องกันแบคทีเรีย และทุกกระบวนการผลิต Virgo Composite Board ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
HUSK Collection โมเสกจากเปลือกข้าว
และสุดท้ายกับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ HUSK Collection สุดยอดนวัตกรรมธรรมชาติจากบริษัทโซไนต์อินโนเวทีฟ เซอร์เฟสเซส จำกัด ผู้นำทางด้านวัสดุกรุพื้นผิวเพื่อการประดับและตกแต่ง ภายใต้แบรนด์ SONITE ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์โมเสก ที่มีความหลากหลายมากที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตโมเสก ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต รวมถึงต้องมีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อที่จะสามารถนำเสนอวัสดุที่มีความโดดเด่นและแตกต่าง
โดยเป็นที่รู้กันดีว่า Sonite ถือเป็นสุดยอดนวัตกรรมวัสดุกรุพื้นผิวเพื่อแรงบันดาลใจในการตกแต่งภายในที่ไม่เหมือนใคร ด้วยวัสดุเฉพาะที่มีความโดดเด่นทั้งด้านดีไซน์ผสมผสานลูกเล่นต่างๆ และมีความคงทนในการใช้งาน ช่วยเพิ่มความสง่างามให้กับทุกพื้นผิว สามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่หลงใหลในการตกแต่งที่ต้องการสะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่น
วัสดุกรุพื้นผิว Sonite มีคุณสมบัติเด่นที่ความบางและเบา จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับงานประดับตกแต่งภายใน ไม่ว่าจะเป็นงานผนัง, เพดาน,เคาน์เตอร์ และพืน้ ผิวทั่วไป ทั้งพื้นที่เรียบและโค้งมนก็สามารถตกแต่งได้อย่างแนบเนียน สามารถติดตั้งได้ทั้งบนกระจก, แผ่นยิปซั่ม, ไม้ และซีเมนต์ สามารถติดตั้งโดยใช้กาวสำหรับงานติดตั้งโมเสก และด้วยคุณสมบัติที่ทนต่อความชื้น จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Sonite ได้รับความนิยมนำไปใช้ประดับตกแต่งในห้องน้ำ, ห้องสปา และสระว่ายน้ำ
ในด้านการออกแบบและการสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ของ Sonite ไม่เคยทำให้ผู้ที่รอคอยผิดหวัง แต่ละปีจะมีคอลเลคชั่นใหม่ๆ ออกมาให้ได้เลือกใช้หลายรุ่นและล่าสุดในงานสถาปนิก’59 ที่ผ่านมา Sonite ได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง HUSK Collectionออกสูู่สายตานักออกแบบและผู้ที่สนใจการตกแต่งในฐานะผลิตภัณฑ์นวัตกรรม Green Product ที่มีความพิเศษในหลายด้าน
สำหรับแนวคิดของ HUSK Collection ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ได้ร่วมมือกับ ผศ.ดร. สิงห์ อินทรชูโตอาจารย์และนักออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมชื่อดังของไทย จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้นำเอากากกาแฟที่ใช้แล้วจากร้านสตาร์บัคส์มาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ สำหรับใช้งานภายในร้านสตาร์บัคส์ ต่อมาผู้บริหารของโซไนต์ จึงเกิดแนวคิดที่อยากจะนำวัสดุของไทยแท้ๆ มาทำเป็นผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) จึงได้เลือกเปลือกข้าว ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาเป็นวัสดุในการผลิตโมเสก นอกจากจะเป็นวัสดุที่มีส่วนช่วยลดการใช้ทรัพยากรแล้ว ยังเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustain ability) อีกด้วย
HUSK Collection เป็นโมเสกที่ผลิตขึ้นจากส่วนผสมของแกลบหรือเปลือกข้าว ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ซึ่งในบ้านเรามีแกลบเหลือทิ้งจากโรงสีค่อนข้างมาก หากต้องเผาทิ้งหรือใช้เป็นเชื้อเพลิงก็ค่อนข้างจะเสียประโยชน์ ทางผู้บริหารของโซไนต์ฯ จึงมีแนวคิดที่จะทำให้วัสดุที่ไร้ค่าอย่างแกลบ กลับมาสร้างมูลค่าโดยอาศัยเทคโนโลยีในการผลิต โดยนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ของ Sonite ในคอลเลคชั่น HUSK ซึ่งมีส่วนผสมของแกลบประมาณ 22%
นอกจาก HUSK Collection จะเป็นวัสดุที่เป็น Green Product และเป็นวัสดุที่ยั่งยืนแล้ว ในแง่ของคุณสมบัติการใช้งานและการออกแบบก็สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน โดยกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์นี้ จะเน้นไปที่อินทีเรียร์และเจ้าของบ้านที่กำลังมองหาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปใช้ในงานออกแบบอาคารเขียว ที่ต้องการวัสดุตกแต่งภายในที่ให้ความรู้สึกดูเป็นธรรมชาติแต่แฝงไว้ด้วยความเท่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นวัสดุตกแต่งสำหรับบ้านพักอาศัย, ภัตตาคาร, ร้านค้า, ร้านกาแฟและสปา
แต่ทั้งนี้จะเน้นการใช้งานในพื้นที่แห้ง เนื่องจากวัสดุเป็นธรรมชาติมากจึงไม่เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องใช้งานอย่างสมบุกสมบันหรือมีความชื้นสูงแต่จะเหมาะกับงานตกแต่งพื้นที่ภายในที่ต้องการแสดงเอกลักษณ์ หรือนำเสนอความเป็นธรรมชาติ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ประกอบด้วย Dune, Cornsilk, Khaki, Ash และ Charcoal และมีรูปทรงให้เลือกมากถึง 4 รูปทรง คือ สี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 15X15 มิลลิเมตร สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 15X30 มิลลิเมตร รูปทรงไดมอนด์ขนาด 22X38 มิลลิเมตร และรูปทรงหกเหลี่ยมขนาด 34 X 29 มิลลิเมตร ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำมาจัดเรียงให้เป็นแพทเทิร์นต่างๆ ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Grid, Bamboo, Madison, Herrigbone, Braid, Bond, Equinox, Chevron, Cosmos และ Honeycomb
‘TOA BIKELANE’ ระบบสีสำหรับเลนจักรยาน
มาเริ่มต้นกันด้วยระบบสีกันก่อน ซึ่งในปีนี้ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำสินค้าใหม่มาเปิดตัวภายในงานสถาปนิก’59 ด้วย ซึ่งได้แก่ TOA BIKELANE หรือ ระบบสีทีโอเอสำหรับเลนจักรยาน (Bikelane and Pavement Paint System)โดยคุณสมบัติของสีทีโอเอ ไบค์เลน เป็นสีอะครีลิคชนิดพิเศษผสมผงสีที่ช่วยป้องกันและลดการซีดจางจากรังสียูวี ฟิล์มสีเหมาะสำหรับการรับน้ำหนักและการเสียดสีจากล้อจักรยาน ฟิล์มสีมีความยืดหยุ่น สามารถยึดเกาะบนพื้นผิวต่างๆ ได้เป็นอย่างดีป้องกัน น้ำได้ดีเหมาะสำหรับทาทับหน้าบนพื้นผิวคอนกรีต และพื้นผิวยางมะตอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามกีฬาและเลนจักรยาน
การใช้งานระบบสีทาพื้นทางวิ่งจักรยาน ถือว่าไม่ยุ่งยาก เริ่มจากการรองพื้นด้วยสีรองพื้นชนิดพิเศษ TOA EXTRAWET ในการผสมเจือจางด้วย TOA Thinner NO.23 ประมาณ 5-10% เมื่อผสมเข้ากันดีแล้วให้ใช้ลูกกลิ้ง, แปรงทาสี หรือเครื่องพ่น ทาหรือพ่นลงพื้นผิวที่ต้องการทำสี จำนวน 1 เที่ยว สีรองพื้นนี้จะแห้งภายในระยะเวลา 20-30 นาที โดยเนื้อสีเมื่อแห้งแล้วจะมีความหนาประมาณ 70-80 ไมครอน ทิ้งสีรองพื้นให้แห้งสนิท ราว 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงทาทับด้วยสีทับหน้า TOA BIKELANE ซึ่งจะต้องทำการเจือจางเนื้อสีด้วยน้ำสะอาด ราว 5% วิธีการทาสีทับหน้าให้ใช้ลูกกลิ้ง, แปรงทาสี หรือเครื่องพ่น จำนวน 2 เที่ยว ซึ่งจะได้ความหนาของฟิล์มสีเมื่อแห้งแล้วประมาณ 45-50 ไมครอนต่อเที่ยวโดยจะต้องทิ้งระยะเวลาก่อนที่จะทำการทาทับในเที่ยวที่ 2 ราว 1-2 ชั่วโมง
TOA BIKELANE เป็นสีสูตรน้ำ จึงแห้งเร็วและไม่มีกลิ่นฉุน มีให้เลือกใช้งานด้วยกัน 5 สี คือ Traffic White, Melon Yellow, Coral Read, Mine Green และ Sky Blue
พาเนล พลัส ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชูกาวไร้สารระเหย ‘SE0’
หากมองถึงผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมหรือวัสดุทดแทน พาเนล พลัส เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้ชื่อว่ารักษ์โลก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่นำมาสร้างสรรค์พื้นที่แสดงสินค้าภายในงานสถาปนิก’59 อย่างเช่นไม้เอ็มดีเอฟ SE0 และไม้ปาร์ติเกิล SE0 (Super E Zero)
เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัท พาเนล พลัส จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุทดแทนไม้ อาทิผลิตภัณฑ์ไม้ปาร์ติเกิล ไม้เอ็มดีเอฟ และไม้เคลือบเมลามีน ตลอดเวลาที่ผ่านมา พาเนล พลัส ได้ทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดในงานสถาปนิก’59 จึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่าง ไม้เอ็มดีเอฟ SE0 และไม้ปาร์ติเกิล SE0 (Super E Zero) ซึ่งประเภทกาว SE0 นี้มีค่าสารระเหยฟอมัลดีไฮน์ที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.3 มิลลิกรัมต่อลิตร จึงผ่านค่าควบคุมมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น JIS A 5905 โดยการทดสอบตามวิธี JIS A 1460 จากห้องปฎิบัติการทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อนำไปใช้งาน ผู้ใช้จะไม่ได้รับผลกระทบจากสารระเหยที่ทำให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองใดๆ
นอกจากนี้การคว้ารางวัลรองชนะเลิศประกวดพื้นที่แสดงสินค้า ประเภท Green Booth จากงานสถาปนิก’59 ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการเลือกวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาสร้างสรรค์พื้นที่และจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของ พาเนล พลัส
‘Lanna OSB’ ไม้อัดคุณภาพสูง
แต่หากกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ประเภทไม้อัดคุณภาพสูงแล้ว ชื่อของ สุขสวัสดิ์ไม้อัดไทย คงต้องขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ด้วยเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าส่งผลิตภัณฑ์ไม้อัดรายใหญ่ของประเทศไทย ในฐานะตัวแทนจำหน่ายไม้อัดคุณภาพสูงจากโรงงานชั้นนำภายในประเทศและยังนำเข้าโดยตรงจากโรงงานในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และจีนอีกด้วย ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากมายให้เลือกใช้ อาทิ ไม้อัดเคลือบฟิล์มดำ, ไม้อัดยาง, ไม้อัดสัก, บานประตูและบอร์ด
ล่าสุดจากงานสถาปนิก’59 ได้เปิดตัว Lanna OSB ซึ่งผลิตขึ้นจากไม้เนื้อแข็ง จึงมีความแข็งแรงกว่าไม้อัดทั่วไปถึง 3 เท่า พร้อมคุณสมบัติเด่น ได้แก่ มีความเหนียวและความยืดหยุ่นสูง สามารถรับแรงเฉือน แรงดัดได้ดี สามารถคงขนาดได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความชื้นสูง ทำให้ไม่โค้งงอและผิวหน้าหลุดแตกง่าย นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อเชื้อรา ปลวก และแมลงทุกชนิด
Lanna OSB ใช้งานง่ายจึงมีความสะดวกในการติดตั้ง เนื่องจากสามารถใช้กับเครื่องมืองานไม้ได้ทุกประเภท นอกจากนี้ผิวหน้ายังสามารถยึดเกาะได้ดีกับวัสดุที่ทำงานด้วยทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น ปูนซีเมนต์ หิน อิฐ ไวนิล และวัสดุอื่นๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ในงานก่อสร้างและงานเฟอร์นิเจอร์ สามารถใช้เป็นผนังกั้นห้อง แผ่นรองใต้หลังคา งานปูพื้นปรับระดับงานบูธ งานดีไซน์และตกแต่ง งานบรรจุภัณฑ์ งานก่อสร้าง หรือใช้ทำเป็นไม้แบบก็ได้
‘Gorenje by Starck’ ชุดเครื่องครัวบิวท์อิน ระดับไฮเอนด์
หากมองในกลุ่มผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในงานสถาปนิก’59 และมีความน่าสนใจอย่างมากอีกหนึ่งตัว ได้แก่ ชุดเครื่องครัวบิวท์อิน “โกเรนเย่ บาย สตาร์ค” จาก บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นชุดครัวบิวท์อินสะท้อนไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต ได้รับการออกแบบโดย “ฟิลลิป สตาร์ค” นักออกแบบชื่อดังระดับโลก ชูดีไซน์การออกแบบเรียบง่ายระดับไฮเอนด์
ความพิเศษของคอลเลคชั่นนี้ คือ เป็นการผสานการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในครัวเข้าในชุดบิวท์อินชุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จ ได้แก่ เตาอบ,เตาปรุงอาหาร, เครื่องดูดควัน, ตู้เย็น และฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในชุดครัวบิวท์อิน อาทิ ลิ้นชักรักษาอุณหภูมิอาหารก่อนนำเสิร์ฟ, ฟังก์ชั่นอุ่นภาชนะ และเมนูทำโฮมเมด โยเกิร์ต เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่รวมอยู่ในคอลเลคชั่นนี้ผู้ออกแบบต้องการสื่อถึงความสง่างามที่มีอยู่ “ด้วยจิตวิญญาณระดับสูงและความบริสุทธิ์ภายใน” ด้วยสไตล์การออกแบบที่เรียบง่ายระดับ Hi-end เน้นการใช้สีเทาและนวัตกรรมของกระจกสะท้อนแสง ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับสแตนเลส
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมพิเศษที่ซ่อนอยู่ในดีไซน์ทุกมิติ เช่น โปรแกรมการทำความสะอาดแบบ Pyrolytic เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสุดในการขจัดคราบน้ำมัน ทำให้เตาอบสะอาดอย่างสมบูรณ์แบบควบคุมการทำงานอย่างง่ายดายด้วยระบบสัมผัสทั้งหมด ระบบเปิดปิดตู้แบบนุ่มนวล Gentle Close ไร้เสียงดัง เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นการคิดค้นและสร้างสรรค์ที่ฟิลลิป สตาร์ค ผสานแนวคิดของเฮเฟเล่ “การคิดไปข้างหน้า” มาประกอบกับการวิเคราะห์เทรนด์ในอนาคต ที่ตอบไลฟ์สไตล์ของครอบครัวให้ได้มากที่สุด และถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้
‘The Spectrum workspace’ พื้นที่ทำงานรูปแบบใหม่
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ที่เปิดตัวในงานสถาปนิก’59 ซึ่งเป็นนวัตกรรมเพื่อการจัดพื้นที่ทำงานรูปแบบใหม่กับ The Spectrum Workspace จาก โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป ซึ่งเป็นแนวคิดที่มองถึงรูปแบบและองค์ประกอบอันมากมายที่ทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูง โดยมีองค์ประกอบได้แก่ COLLABORATION การทำงานร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด วิธีการ และมุมมอง CONCENTRATION การมีความเป็นส่วนตัว และเป็นสัดส่วน ไม่รบกวนสมาธิ สามารถสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ และ WELLNESS การออกแบบโดยคำนึงถึงหลักกายศาสตร์ที่สอดคล้องกับท่วงท่าและการเคลื่อนไหวในการทำงาน ซึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม The Spectrum Workspace ได้แก่ KULTURE ชุดทำงานที่รองรับความเป็นส่วนตัวที่สร้างห้องทำงานส่วนบุคคลโดยใช้พื้นที่จำกัด, ZYNERGY ชุดโต๊ะทำงานที่รองรับการทำงานแบบ Collaboration, AXIS ชุดโต๊ะทำงานที่ตอบสนองการใช้งานหลากรูปแบบ รองรับการเคลื่อนไหวในทุกระดับ, Ergonomic Chair-SERIES 15 ตอบโจทย์ทุกอิริยาบท, Office Chair -SERIES A1 ที่รองรับ ทุกท่วงท่าของการนั่ง
‘Bathroom Design’ ผลิตภัณฑ์รางวัลระดับโลก
สำหรับผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทีน่าสนใจ คงไม่พ้นชุดสุขภัณฑ์ดีไซน์เยี่ยมจาก บาธรูม ดีไซน์ ที่นำชุดสุขภัณฑ์ i-spa ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ Reddot Design Award Winner ในปีค.ศ. 2016 มาแสดงในงานสถาปนิก’59 ซึ่งได้แก่
Linen (ลินิน) อ่างอาบน้ำฟรีสแตนด์ใบแรกในโลก ที่สามารถแสดงสถานะอุณหภูมิน้ำ โดยเรืองแสงบนผิวอ่างอาบน้ำ(Temperature Indicator Lighting) ได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวของเนื้อผ้าที่บางเบา จนเกิดเป็นรูปทรงและพื้นผิวของอ่างอาบน้ำที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยพลัง พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดด้วยพื้นผิวภายในอ่างที่มีลักษณะคล้ายกับพื้นทรายนุ่มนวลช่วยป้องกันการลื่น
Cloud (คลาวด์) อ่างอาบน้ำฟรีสแตนด์ ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบัน ให้ห้องน้ำของคุณดูดีทุกมิติแม้ในพื้นที่จำกัด โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากก้อนเมฆบนท้องฟ้าสร้างสรรค์ออกมาเป็นอ่างอาบน้ำที่มีรูปทรงโค้งมน เรียบเนียน น่าสัมผัสพร้อมคำนึงถึงสรีระด้วยฟังก์ชั่นที่วางแขนภายในอ่างอาบน้ำเพื่อความผ่อนคลายสูงสุดและ Season (ซีซัน) ชุดฝักบัวอาบน้ำฟรีสแตนด์(Freestanding Shower Tree) โดดเด่นด้วยรูปทรงธรรมชาติคล้ายต้นไม้แผ่กิ่งก้าน เสมือนได้อาบน้ำท่ามกลางสายฝน พร้อมฟังก์ชั่นพิเศษปรับการใช้งานได้ถึง 3 ระดับ โดยสามารถเปิด-ปิด และเปลี่ยนทิศทางของน้ำได้อย่างอิสระ เปรียบเสมือนช่วงเวลาของต้นไม้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล
โดยทั้ง 3 รางวัล ที่บาธรูมดีไซน์ได้รับในปี ค.ศ. 2016 นี้ ถือเป็นความสำเร็จที่ส่งให้บริษัทก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ในระดับโลกอีกขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำ เข้าร่วมประกวดรางวัลเวทีระดับโลกอย่างต่อเนื่อง จนสามารถคว้ารางวัลกว่า 70 รางวัลในระยะ 8 ปีของ บาธรูม ดีไซน์ถือเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วยเช่นกัน
‘GreenNet’ มุ้งลวดกันยุงแห่งศตวรรษ
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราเชื่อว่าหลายๆ บ้านต้องใช้อย่างแน่นอนกับ มุ้งลวดกันยุง โดยในงานสถาปนิก’59 ห้างหุ้นส่วนจำกัด กรีน อลูมิเนียมมาพร้อมกับนวัตกรรม มุ้งลวดม้วนเก็บ GreenNet ที่ออกแบบมาได้เรียบร้อย สวยงาม ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว โดยมุ้งลวดม้วนเก็บ GreenNet ถูกออกแบบให้ตัวผ้ามุ้งถูกม้วนเก็บเข้าไว้ในกล่องโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้มุ้งลวดยังดูโล่ง โปร่ง เหมือนไม่มีอะไรมาบดบังสายตา
คุณสมบัติเด่นของมุ้งลวด GreenNet คือ สามารถเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้มุ้งลวดม้วนเก็บ GreenNet สามารถเลื่อนชุดผ้ามุ้งให้หยุด ณ จุดใดก็ได้โดยเฉพาะบานที่มีขนาดกว้างที่ไม่สามารถกางแขนออกไปจับชุดมุ้งทั้งสองข้างมาปิดในครั้งเดียวได้ นอกจากนี้ GreenNet ยังมีระบบทำความสะอาดตัวเอง จึงไม่มีฝุ่นหรือหยากไย่ มาขวางทางลมโดยสักหลาดที่ติดตั้งไว้จะเป็นตัวทำความสะอาดมุ้งลวดในทุกครั้งที่เปิดหรือปิดมุ้งลวดม้วนเก็บ GreenNet ถูกออกแบบให้รางล่างของประตู สามารถพับเก็บได้ ทำให้ไม่เกะกะเท้าและทำความสะอาดพื้นได้ง่าย โดยสามารถติดตั้งกับช่องประตูที่มีความกว้างมากสุดได้ถึง 4 เมตร และสูงสุดถึง 2.50 เมตร อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน พร้อมการรับประกันคุณภาพ 1 ปี
ในแง่ของความปลอดภัย GreenNet เลือกติดตั้งกลอนล็อคบานระบบขอเกี่ยว ทำให้ล็อคได้แน่นไม่สามารถหลุดเองได้ และยังหมดปัญหาเรื่องผ้ามุ้งหลุดออกจากรางเลื่อน เพราะระบบของ GreenNet จะยึดผ้ามุ้งไว้ทั้ง 4 ด้านด้วยการเย็บติดจึงไม่เหลือช่องใดๆ ให้ยุงเล็ดลอดเข้ามาได้ นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมในการป้องกันยุง ที่ออกแบบมาให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม
‘IPN QuadCore Technology’ นวัตกรรมใหม่ของฉนวนกันความร้อน
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีการเปิดตัวภายในงานสถาปนิก’59 ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ ผนังและหลังคาฉนวนกันความร้อน ‘ไอพีเอ็น ควอทคอร์ เทคโนโลยี’ นวัตกรรมฉนวนกันความร้อนใหม่ล่าสุดจาก Kingspan ประเภทผนังและหลังคาสำเร็จรูปจากประเทศอังกฤษ ด้วยโครงสร้างเซลล์ปิด (closed cell) และขนาดโมเลกุลที่เล็กลงของ Polyisocyanurate เพิ่มประสิทธิภาพของฉนวนกันความร้อน ลดการซึมผ่านของน้ำและอากาศ และลดการใช้พลังงานในระบบปรับอากาศ ที่ช่วยเก็บอุณหภูมิทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 40% จากแนวคิด 4 ประการ คือ 1. Green Building ภายใต้แนวคิดสถาปัตยกรรมสีเขียวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งตัววัสดุเองและขยะในกระบวนการผลิต (Zero waste to Landfill) 2. Thermal Performance ลดพลังงานความร้อนกว่าฉนวน Polyurethene (PU) หรือ PS ด้วยเทคโนโลยี Bespoke Hybrid ซึ่งจะทำให้โมเลกุลใน Polyisocyannate (PIR) เล็กลงจนกลายเป็น Microcell 3. Superior Fire Protection เป็นผลิตภัณฑ์ผนัง ฉนวนชนดิ แรกที่ได้มาตรฐาน FM 4882/ FM 4880/ FM 4881 Exterior wall/FM 4771 Roof panels/ASTM E119/UL 790/NFPS 285 เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย 4. Warranty การันตีคุณภาพการใช้งานผลิตภัณฑ์สูงสุดถึง 40 ปี
ทั้งนี้ บริษัท คิงส์แพน อินซูเลท พาเนลส์ พีทีวาย จำกัด (Kingspan) ผู้ผลิตวัสดุเปลือกอาคาร ผนังและหลังคาฉนวนสำเร็จรูปจากออสเตรเลีย ได้มอบหมายให้ CIG เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ‘ไอพีเอ็นควอทคอร์ เทคโนโลยี’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
‘Maximus’ กระเบื้องหรู ดีไซน์ลักชัวรี่
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกหนึ่งตัว จากบริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ WDC ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุตกแต่งพื้นและผนัง แบรนด์ระดับโลก โดยในงานสถาปนิก’59 ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่นำเสนอได้แก่ กระเบื้องตกแต่งพื้นและผนัง ในคอลเลคชั่น Maximus ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรุ่นตามความเหมาะสมในการใช้งาน ได้แก่
• Maximus Vigorous ที่มีขนาดใหญ่ 1 x 2 เมตร ที่เน้นความหรูหรา ซึ่งเปรียบได้กับหินอ่อนธรรมชาติที่ลงตัวในระดับ Lusury Design
• Maximus Elegant ที่มีขนาดใหญ่ 60 x 120 เซนติเมตร กระเบื้องในระดับ Premium Class ที่มีรูปลักษณ์หรูหรา เน้นสีสันที่คมเข้ม พร้อมลวดลายที่ละเอียดอ่อนและเปล่งประกายสะท้อนแสงระยิบระยับด้วยผิวหน้าคริสตัลเคลือบหนาพิเศษ เหมาะกับพื้นและผนังที่ต้องการความหรูหรา
• Maximus Premium ในแบบฉบับหินทราโวลทีนสีดำที่หรูหรา ให้อารมณ์ดั่งหินธรรมชาติ แต่ดูแลรักษาง่ายและใช้งบประมาณที่คุ้มค่ากว่า
• Maximus Special – Design of Bologna (โบลอนญา) กระเบื้องที่เน้นลวดลายกราฟฟิกโดดเด่นในทุกมุมมอง สร้างมิติให้กับการตกแต่งภายใน ซึ่งมีทั้งแบบสีสันสดใสและในสไตล์สีเข้มร่วมสมัย
• Maximus Wall Tiles ในคอนเซ็ปต์ Touch of Dimension สัมผัสผิวหน้ากระเบื้องที่ให้มิติที่แตกต่างในสไตล์ยุโรเปี้ยนดีไซน์
นอกจากนี้ WDC ยังมีวัสดุตกแต่งที่น่าสนใจอีกมาก อย่างเช่น ‘Niro Granite’ ซึ่งเป็นแบรนด์กระเบื้องจากยุโรป ที่เป็น Swiss Design กระเบื้องที่สะท้อนลวดลายของหินแกรนิตธรรมชาติ มีความสวยงามและเสมือนจริง และโมเสกแก้ว ‘Ezarri Mosiac’ จากประเทศสเปน ซึ่งเป็นโมเสกที่นำเทคนิคพิเศษในการพิมพ์ลวดลายลงบนหน้าผิวโมเสกด้วยระบบ Digital Printing อีกด้วย
Marmoleum Modular
นวัตกรรมวัสดุปูพื้นจากธรรมชาติ
สำหรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่น่าสนใจอีกหนึ่งวัสดุ ได้แก่ พื้น ‘Marmoleum Modular’ วัสดุที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% ที่มาในระบบ Modular ซึ่งเปน็ เทรนด์การออกแบบวัสดุ ด้วยการทำวัสดุให้มีขนาดที่ต่างกันไป เพื่อให้ง่ายต่อการออกแบบ ติดตั้งและขนส่ง
ซึ่งข้อดีของ Forbo Marmoleum Modular คือ เนื้อวัสดุที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% เป็นวัสดุ Linoleum ชนิด Homogeneous (เนื้อวัสดุมีชั้นเดียว) นอกจากจะเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้วแผ่นพื้นยังดูแลรักษาและทำความสะอาดได้ง่าย ด้วยผิวหน้าที่เคลือบ Top Shield 2 ชั้น อันเป็นสารเคลือบผิวลิขสิทธิ์เฉพาะของ Forbo ซึ่งเป็น Water Base Acrylic (Friendly with environment) ชั้นแรกจะทำหน้าที่ป้องกัน UV และทำหน้าที่ยึดเกาะกับผิว Marmoleum ชั้นที่สองก็จะป้องกัน UV และมีสารที่ทำให้สิ่งสกปรกเกาะติดยาก จึงทำให้แผ่นลิโนเลียมทนรอยขีดข่วน รวมถึงสิ่งสกปรกต่างๆ และ UV ได้ดี โดยมี 4 ขนาดให้เลือก คือ 25 X 25 เซนติเมตร, 25 X 50 เซนติเมตร, 50 X 50 เซนติเมตร และ 50 X 75 เซนติเมตร
Marmoleum Modular สามารถใช้ได้กับพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง (ตามมาตรฐาน EN-ISO 10874 Class 43 และ 34 สำหรับบริเวณโรงงานหรือแหล่งอุตสาหกรรม, Commercial area และที่พักอาศัย) เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ประเภทต่างๆ เช่น สถานพยาบาล, โรงแรม, สำนักงาน, โรงเรียน, ที่พักอาศัย, อาคารประเภท Green Building และพื้นที่ที่ต้องการความสะอาดและดูแลรักษาง่าย
Marmoleum Modular ได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมจาก LEED นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเด่น คือ
•ติดไฟยาก ไฟจะลามได้ช้า และไม่ก่อให้เกิดสารพิษ ได้ค่า Cfl-s1 ตามมาตรฐาน EN 13501-1
•ทนต่อเถ้าบุหรี่ ไม่เกิดรอยถาวร สามารถลบรอยบุหรี่ออกได้โดยใช้แปรงขัดทำความสะอาด
•สะอาดถูกอนามัย ไม่สะสมฝุ่นละออง และสามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
•รับนํ้าหนักต่างๆ และทนแรงกดทับได้ดี
•ทนต่อรอยล้อรถเข็น
•ทนต่อสารเคมี กรด ไขมัน นํ้ามัน แอลกอฮอล์ อาซีโทน ฯลฯ (ยกเว้นอัลคาไลน์)
•มีค่าการกันลื่นที่ R9
•มีค่าป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ที่ <2 kV
•มีค่าการส่งผ่านความร้อนที่ 0.17W/m-K
•สามารถนำมาผลิตใหม่ได้โดยวิธี Recycle ตัว Marmoleum สามารถ Recycle ได้ 100% ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
•อายุการใช้งานยาวนาน เฉลี่ย 20-30 ปี นอกจากนี้ Forbo ยังมีแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจอย่าง ‘PLAY’ Use the floorplanner ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เพิ่มความสนุกและทางเลือกให้แก่ ลูกค้า โดยที่เราสามารถเข้าในเว็บไซต์ของทาง Forbo เพื่อไปเลือกรูปแบบของห้องในลักษณะประเภทต่างๆ แล้ว ลองปรับ เปลี่ยนสีผนัง หรือสีพื้นห้อง หรือเลือกรุ่น ของวัสดุและขนาดแผ่นให้ตรงกับความต้องการ โดยสามารถลองจัดวางได้หลากหลายแพทเทิร์นที่ต่างกันไปให้เข้ากับพื้นที่ที่ช้งาน และมีตัวอย่างให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น สถานพยาบาล สถานศึกษา หรือโรงแรม สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://forbo-business.esignserver3.com/gallery.do